น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้พิจารณาแผนงานและโครงการที่จะต้องดำเนินการร่วมกันระหว่าง 8 กระทรวง 50 หน่วยงาน 1 รัฐวิสาหกิจ โดยเบื้องต้นจะเสนอกรอบวงเงินให้สำนักงบประมาณพิจารณาจำนวน 6.3 พันล้านบาท ให้สำนักงบประมาณพิจารณาร่วมกับแผนงานด้านอื่นๆจากกระทรวงต่างๆ ก่อนเสนอครม. ลำดับต่อไป
โดยแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม และภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากจะช่วยลดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย และในระยะถัดไปจะช่วยให้มีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของรายได้ประชากร
สำหรับแผนบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากประจำปี 2565 ได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ 1) ประชาชนผู้มีรายได้น้อย 2) เกษตรกรรายย่อย 3) สถาบันเกษตรกร 4)วิสาหกิจชุมชน 5) ผู้ประกอบการชุมชน ครอบคลุม 7,255 ตำบลทั่วประเทศ ประกอบด้วย 3 แนวทางคือ 1) การสนับสนับสนุนการเข้าถึงปัจจัยการผลิต และการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ 2) การพัฒนาความเข้มแข็งกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3) การพัฒนาการบริหารจัดการการตลาด
ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น คือ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการจะต้อง 1) เข้าถึงแหล่งทุนและที่ดินทำกินไม่น้อยกว่า 4.5 แสนราย 2) ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพไม่น้อยกว่า 2.5 แสนราย 3) ผลิตภัณฑ์ชาวบ้านได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 9,700 ผลิตภัณฑ์ 4) รายได้จากการจำหน่ายสินค้าชุมชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็นต้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการต่างๆภายใต้แผนงานการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากนี้ เป็นการทำงานและรับผิดชอบร่วมกันระหว่างกระทรวง โดยที่มีแนวทางและเป้าหมายสอดคล้องเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางของการส่งเสริมอาชีพ การเพิ่มรายได้ ภายใต้แนวคิด "การตลาดนำการผลิต" อีกทั้งยังเป็นแผนงาน/โครงการต่อเนื่อง 3-5 ปี