รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณด้านหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ฝั่งถนนพระราม 4 ใกล้แยกสามย่านวานนี้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิด 4 คนว่า จากการเข้าตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ อีโอดี พบเป็น วัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบประทัดปิงปอง
ส่วนประกอบระเบิดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย, สะเก็ดระเบิด ทำจากตะปูโลหะ ยาวประมาณ 1-2 ซม., เศษพลาสติกสีเหลือง คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาชนะห่อหุ้มระเบิด โดยไม่พบเศษชิ้นส่วนออเลคโทคนิค ลักษณะการทำงาน จุดฉนวนด้วยดินดำหรือใช้การขว้างเพื่อให้เกิดการกระทบแตก
วัตถุระเบิดที่บรรจุอยู่ภายใน คาดว่าเป็นดินเทา ขนาด blast sit ประมาณ 5 เมตร โดยผลกระทบเมื่อเกิดเหตุระเบิดสามารถทำอันตรายกับร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตได้หากอยู่ใกล้ระเบิดหรือถูกสะเก็ดระเบิดเข้าอวัยวะสำคัญ ส่วนมูลเหตุจูงใจครั้งนี้เชื่อว่าหวังผลทางการเมือง
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณด้านหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ช่วงเย็นวานนี้ ว่า จากการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่อีโอดีลักษณะวัตถุระเบิดคล้ายบริเวณรัชโยธิน แตกต่างกับกองสลากเก่า จากการตรวจเป็นวัตถุระเบิดประกอบเองใช้ทั่วไปในกลุ่มอาชีวะ คาดว่าในที่เกิดเหตุจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ขณะนี้พอทราบตัวแล้ว เตรียมออกมายจับเร็วๆ นี้
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ แต่ขณะนี้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแจ้งการจัดชุมนุมไม่ได้ เนื่องจากขัดพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ ทำให้การดูแลการชุมนุมสาธารณะของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งการดูแลสถานที่ ความปลอดภัยทำได้ไม่ง่ายนัก จึงเป็นเหตุให้เกิดการแทรกซึมของบุคคลที่ 3 ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบมีความเป้นไปได้ อย่างไรก็ตามทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ส่งทีมสืบสวนจากทุกส่วนเข้าเคลี่คลายในเรื่องนี้อยู่