กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แจ้งจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย จากเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ที่หน้าสถานทูตเมียนมา ในช่วงเวลา 15.00 น. เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศให้ยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ปฎิบัติตาม เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมสถานการณ์ทำให้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น และกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสิ่งของทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดังนี้
1.ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย, ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
2. กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34(6)
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่สน.ยานนาวา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และในส่วนที่เหลือจะได้มีการออกหมายเรียกและดำเนินคดีกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการชุมนุมบริเวณหน้าสถานทูตเมียนมาว่า ความเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎ กติกา กฎหมายของไทยโดยเคร่งครัด พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่มีนโยบายไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่พยายามบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่มีตำรวจบาดเจ็บและต้องมีการจับกุม โดยพร้อมจะจัดการอย่างเด็ดขาดหากจำเป็น โดยข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่าที่ทราบผู้ชุมนุมมี 2 กลุ่ม ทั้งคนไทยและเมียนมา แต่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมีข้อจำกัด อีกทั้งมีการออกประกาศตามกฎหมายฉุกเฉินอยู่ ขอให้คำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนด้านการข่าวกรณีมีแกนนำชาวไทยเข้าไปยั่วยุให้ชาวเมียนมาก่อเหตุวุ่นวายนั้น ทางหน่วยความมั่นคงได้ติดตามอยู่แล้ว และพยายามใช้มาตรการที่เหมาะสม