นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม แถลงความคืบหน้าการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้น กมธ.ว่า กมธ.จะประชุมร่วมกันนัดสุดท้ายในวันที่ 8 ก.พ.นี้ เพื่อตรวจสอบรายงานก่อนเสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อไป
โดยในวันพรุ่งนี้ (5 ก.พ.) กรรมาธิการฯ จะเชิญส.ว.จำนวน 8 คนและส.ส.อีก 101 คนที่สงวนความเห็นการแก้ไขไว้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ เพื่อนำไปพิจารณาในวาระที่ 2 ต่อที่ประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.นี้ ก่อนลงมติในวาระที่ 3 โดยคาดว่าจะพิจารณาวาระ 3 ในวันที่ 16 หรือ 17 มี.ค.นี้
สำหรับการพิจารณาในประเด็นการใช้มติรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประเด็นสุดท้าย ที่ประชุมฯ มีมติให้ใช้มติรัฐสภาในการพิจารณาวาระที่ 1 และ วาระที่ 3 ด้วยมติ 2 ใน 3 โดยตัดเงื่อนไขเสียงของสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 และเสียงของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และพรรคฯ ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 20% ออกไป โดยยังคงหลักการการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องไม่ง่ายเกินไป และจะต้องใช้ความสมานฉันท์ของรัฐสภาในการแก้ไข
ส่วนที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)นั้น โฆษก กมธ.กล่าวว่า กมธ.มีมติเสียงข้างมากให้มาจากการเลือกตั้งจำนวน 200 คน ใช้เขตจังหวัดตามสัดส่วนประชากร โดยใช้คุณสมบัติตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเสนอต่อรัฐสภา คือ คุณสมบัติเทียบเท่าผู้สมัคร ส.ส. โดยผู้ที่จะมาเป็น ส.ส.ร.จะไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองหลังเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อเปิดกว้างให้มีผู้มาสมัครเป็น ส.ส.ร.มากที่สุด และเมื่อ ส.ส.ร.ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับมายังรัฐสภาเพื่อให้ความเห็น ก่อนเสนอต่อ กกต.เพื่อจัดการออกเสียงประชามติ