รายงานข่าว แจ้งว่า กลุ่มราษฎรนัดจัดกิจกรรม "นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน" ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป โดยมีการนำผ้าสีแดงขนาดใหญ่มากางไว้บนพื้นถนนให้มวลชนร่วมเขียนข้อความแสดงความคิดต่างๆ เพื่อนำไปคลุมอนุสารีย์ประชาธิปไตยแสดงออกถึงการไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการและระบบศักดินา
ขณะที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กล่าวว่า หากวันนี้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม คงหมดเวลาที่จะกลัว หมดเวลาถอย มีแต่จะสู้เท่านั้น วันนี้จะไม่มีคำสั่งให้ถอยจากตนเองเด็ดขาด หากใครพร้อมเป็นแนวหน้าก็เตรียมตัวให้พร้อม หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำก่อน ไม่ให้เสียความชอบธรรมในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย อย่าให้ฝ่ายราษฎรเริ่มก่อน ให้จองกระถางต้นไม้แล้วจะขนไปวางบนทางเท้า ไม่ให้ปิดบังโบราณสถานที่สร้างโดยคณะราษฎร
ระหว่างนั้น พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์ ได้มาอ่านประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการรวมกลุ่ม เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทำให้มวลชนพากันตะโกนโห่ขับไล่ พร้อมเคาะหม้อส่งเสียงดังจนเจ้าหน้าที่ต้องร่นถอยกำลังออกไปเพื่อลดการเผชิญหน้า
สำหรับสภาพจราจรบนถนนราชดำเนินกลางมุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้าลีลาศขณะนี้ถูกปิดทุกช่องทางแล้ว รถที่มุ่งหน้าเข้ามาต้องวนกลับไปฝั่งสนามหลวง
รายงานข่าว แจ้งว่า หลังจากกลุ่มราษฎรช่วยกันนำผ้าสีแดงขนาดใหญ่ขึ้นไปคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเสร็จแล้วพร้อมประกาศให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขังภายใน 7 วัน จากนั้นแกนนำได้ประกาศเคลื่อนผู้ชุมนุมไปยังศาลหลักเมือง แต่เมื่อเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกาก็ประจัญหน้ากับจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประกาศเตือนให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมาย อยู่ห่างจากเขตพระบรมมหาราชวังซึ่งถือเป็นเขตพระราชฐานไม่น้อยกว่า 150 เมตร ไม่ทำลายรั้วลวดหนามและแผงกั้นที่เป็นทรัพย์สินของทางราชการ ไม่ได้ต้องการสลายการชุมนุม
หลังจากแกนนำเข้าเจรจากับนายตำรวจที่บัญชาเหตุการณ์อยู่นานพอสมควรแต่ตกลงกันไม่ได้ นายภาณุพงศ์ได้ปลุกระดมและประกาศให้มวลชนฝ่าแนวกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประกาศเตือนที่จะเพิ่มระดับป้องกันการบุกรุก หลังจากนั้นได้มีการเจรจาอีกรอบซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยอมให้ตัวแทนผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเข้าไปทำกิจกรรมในศาลหลักเมือง และนัดชุมนุมอีกครั้งเพื่อฟังคำตอบเรื่องปล่อยตัวแกนนำในวันที่ 20 ก.พ.64