นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในกรณีมีผลประโยชน์เบื้องหลังโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จะนะ เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยระบุว่า โครงการที่จะเกิดขึ้นเต็มไปด้วยการทำลายทรัพยากร ทำลายอาชีพ ทำลายเศรษฐกิจ ของประชาชนในพื้นที่ เพราะหากเกิดขึ้นจะทำให้สัตว์น้ำเศรษฐกิจนับร้อยชนิดจะหายไป รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 100-500 ล้านบาท
รัฐบาลนำโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ขายฝันกับชาวบ้านว่าจะมีการลงทุนบนพื้นที่ประมาณ 16,753 ไร่ เม็ดเงินลงทุน 18,680 ล้านบาท จะเกิดอุตสาหกรรมหนัก, อุตสาหกรรมเบา, เมืองที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ, ศูนย์รวมและกระจายสินค้า, โรงไฟฟ้า 3,700 เมกกะวัตต์, และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งมีการโฆษณาว่าจะมีการจ้างงานในพื้นที่ 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นชัดเจนว่าต่างชาติหนีหายไม่มาลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ รัฐบาลล้มเหลว เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีโรงงานปิดไปแล้วมากมาย ยิ่งเมื่อดูภาพความเป็นจริงโครงการข้างเคียง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม Rubber City, นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ล้วนแล้วแต่ร้าง เป็นแค่เรื่องที่รัฐบาลและนายทุนขายฝันสวยหรูเท่านั้น
โอกาสที่อุตสาหกรรมจะเกิดมีน้อยมาก แต่เหตุที่รัฐบาลและนายนิพนธ์เร่งรัดผลักดันโครงการเมืองจะนะให้เกิด เพราะกลุ่มทุนคือ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ที่มาพร้อมแผนการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่กว่า 3,700 เมกะวัตต์ โดยมีเอกสารแสดงชัดเจนว่า TPIPP เป็นผู้เสนอแผนผลักดันโครงการดังกล่าวในพื้นที่จะนะ และในวันที่ 21 ม.ค.64 ครม.ได้มีมติรับทราบไปแล้ว 1,700 เมกะวัตต์ที่เอื้อให้เกิดโรงไฟฟ้าของ TPIPP เกิดขึ้นใน อ.จะนะ ขณะที่มีข้อสงสัยว่าเหตุใดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ
ดังนั้น ถ้าโครงการยังเดินหน้าต่อไปแบบนี้ คาดว่าว่าโรงไฟฟ้าจะมาอีกเรื่อยๆ โครงการจะนะเมืองก้าวหน้าแห่งอนาคตจะไม่มีอนาคตของประชาชน แต่จะกลายเป็นโรงไฟฟ้าของกลุ่มทุน ไม่แตกต่างจากที่เกิดขึ้นกับ มาบตะพุด จ. ระยอง ที่เต็มไปด้วยมลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม
ขณะที่กลุ่มทุนเครือ TPIPP มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ จึงเห็นความพยายามผลักดันโครงการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนอย่างแข็งขัน
"ทำให้สงสัยว่าโครงการจะนะที่นายนิพนธ์ และ ศอ.บต. ที่ พล.อ. ประยุทธ์เป็นประธาน เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของนายทุนหรือเพื่อใคร เพราะวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ครม. มีมติ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองแก้ไขผังเมืองเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ในสามตำบลในอำเภอจะนะ จากพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และสีเขียวคาดขาวที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งเดิมห้ามไม่ให้เอกชนตั้งโรงงงานที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมก็ไปเปลี่ยนให้เป็นสีม่วงเข้ม หรือพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก โดยการเปิดโปงของนักข่าว ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดิน โดยมีนักการเมืองระดับชาติ ที่คนในพื้นที่รู้กันดีมาเกี่ยวข้อง" นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์ ในฐานะ รมช.มหาดไทยที่กำกับดูแลกรมที่ดิน มีเครือญาติเป็นนายหน้าค้าที่ดินในพื้นที่ที่ตัวเองผลักดันโครงการ และร่วมออกมติ ครม. รวมถึงมีการออกนโยบาย และใช้อำนาจในทางบริหารเร่งรัดออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ เอื้อประโยชน์ให้เครือญาติกว้านซื้อที่ดิน รวมทั้งรู้เห็นเป็นใจให้ญาติสนิทใช้อิทธิพลทำข้อตกลงขายที่ดินในราคาไม่เป็นธรรม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี และประธาน ศอ.บต.ที่เป็นคนผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษจะนะ ที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนและเครือข่ายของนายนิพนธ์มหาศาล
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า การพัฒนาประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีความจำเป็นเพื่อเพิ่มรายได้ โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพ อย่างพื้นที่พัฒนา อ.จะนะ จ.สงขลา นั้น อยู่ระหว่างเตรียมการ ไม่ใช่ตั้งแล้วทำได้ทันที ต้องรอการเติบโต การเชื่อมต่อ ไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับโครงการเศรษฐกิจพิเศษ เพราะจะกระทบการลงทุน หากมีทุจริตต้องแก้ไข อย่าให้โครงการขนาดใหญ่ที่กำหนดยุทธศาสตร์ไว้แล้วพังพินาศไปด้วย
"ผมขอตอบแค่นี้ดีกว่า เพราะพูดก็ไม่มีใครฟัง มีแต่หัวเราะ"พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงก่อนจะลุกออกจากห้องประชุมไปทันที
ด้านนายนิพนธ์ ชี้แจงว่า การพัฒนา อ.จะนะมีความจำเป็น เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการเจริญเติบโตต่ำมากแค่ 1.5 % ส่งผลให้แรงงานไทยต้องออกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย
"เอกชนไปลงทุนที่ดินก็เพื่อนำไปพัฒนา เขาจะไปซื้อที่ดินกับใครก็เป็นการตกลงกันเอง บางคนค้าขายกับบริษัททีพีไอมานานก็ย่อมต้องรู้จักกัน ซึ่งผมไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ ใครจะรู้จักใครก็ไปว่ากันเอาเอง ค่านายหน้าก็ว่ากันเองของเอกชน เอกชนไปรับความเสี่ยงเอาเอง ผมไม่ยุ่งเรื่องการซื้อขายที่ดิน เพียงแต่ผมเห็นด้วยกับโครงการพัฒนาอำเภอจะนะเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาคใต้ เอกชนถือครองที่ดินในอำเภอจะนะแค่ 14 % เท่านั้น ไม่ได้อยู่ในมือนายทุนแต่อย่างใด จึงขอยืนยันว่าผมไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น" นายนิพนธ์ กล่าว