นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัยเรื่องอำนาจและหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเดินต่อไปตามปกติทุกอย่าง ไม่น่าจะสร้างความกังวลให้กับส.ส. เพราะถึงแม้ว่าลงมติวาระ 3 แล้ว รัฐธรรมนูญก็ยังไม่มีผลอยู่ดี ยังต้องรอไปลงประชามติ และต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันอีกครั้งก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ดังนั้นระยะเวลายังมีอะไรที่ต้องทำกันอีกมาก
ทั้งนี้ หากภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมิชอบ จะถือว่าสภาฯ ได้ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนแล้วหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าศาลวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้อง ก็ต้องเลิก แต่ตราบใดที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ตัดสิน กระบวนการก็ยังดำเนินการต่อไป รอจนกระทั่งสุดท้ายที่จะไปบรรจบกันอยู่ดี เพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนการลงมติของ ส.ส.ก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีความผิดใดๆ
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลใน 3 วันที่ผ่านมา ต้องให้ประชาชนเป็นผู้วิจารณ์ ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ควรพูดอะไรกันทั้งนั้น เพราะพูดกันในที่ประชุมสภาฯ มาพอแล้ว และที่ฝ่ายค้านจะนำหลักฐานการอภิปรายไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ดูจากหลักฐานที่นำมาอภิปรายแล้วคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ไม่ทราบว่ามีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ที่จะไปยื่นกับ ป.ป.ช. เช่น อาจจะมีหลักฐานอื่นที่ชัดเจนมากกว่า ถ้าอย่างนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้านำเรื่องที่อภิปรายในสภาฯ ไปบอกกับป.ป.ช.หรือศาลคงไม่ได้ คิดว่าฝ่ายค้านคงมีอะไรในมือ แต่ตนไม่ทราบ ถือเป็นธรรมดาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเมื่อจบลงแล้ว ฝ่ายบริหารจะต้องทำอะไรบางอย่าง ฝ่ายค้านจะต้องไปทำอะไรต่อ อันนี้เป็นสิ่งที่คาดหมายกันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตก