นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1.ไม่ปฎิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่แถลงไว้เองต่อรัฐสภา โดยเฉพาะข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ แต่ในทางตรงกันข้าม กลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง 2.จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฎิเสธว่าไม่มีปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร
พร้อมกันนี้ นายณัฐชา ได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของ ม.ทบ. ที่ 21 โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังได้เผยหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอการประชุมของทหารเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นเวลา 4 วัน ก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมีการสั่งการให้เตรียมรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อน เหตุใดจึงรู้ล่วงหน้าได้
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฎิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่
พร้อมระบุว่า เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้งว่าด้วยการทำ IO โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสา มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็น "ฝ่ายขาว" ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจ และ "ฝ่ายดำ" มุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบัน เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา ยังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอปพลิเคชั่นที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอปนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอปนี้ ว่า มี ร.2.รอ. ร.11.รอ. ร.21.รอ. และ ป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชี ภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย
"การทวีตข้อความซ้ำๆ เป็นร้อยๆ พันๆ สร้างกระแสปลอมๆ ขึ้นมาในทวิตเตอร์ มันผิดกฎครับ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือบัญชีทางการหรือ official account ของ "โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน" ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป" นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้ว ยังทำให้บทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ถูกตั้งคำถาม
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เชื่อว่าคือการปกป้องอำนาจตนเอง ไม่ใช่การปกป้องสถาบันเบื้องสูง จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อีกต่อไป
"ผมฝากกลอนไปยังนายกฯ ว่า ทุกวันนี้ ศึกไกลไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงทหารไทย ไล่ข่มเหง เป็นไอโอยุแยกแตกกันเอง รั้วของชาติมาข่มเหง ประชาชน ฝากให้นายกฯ พิจารณาเพื่อปรับและยุติพฤติกรรม" นายณัฐชา อภิปรายปิดท้าย
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม กล่าวชี้แจง โดยปฏิเสธว่าทหารไม่ได้ให้ร้ายประชาชน แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ในโซเชียลมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง มีคำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก กระทบความสงบอันดีเกิดขึ้นจริง และต่อเนื่อง รวมถึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนกรณีการอบรมจิตอาสาพระราชทานนั้น ทำเพื่อให้ทหารเรียนรู้ เข้าใจ และรู้เท่าทันต่อการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง
"บัญชีเปิดเผยชัดเจน ไม่ได้ทำเพื่อให้ร้าย ที่ท่านโยงไปโยงมา เหมือนว่าท่านมีความเชี่ยวชาญมากกว่ากองทัพ ส่วนที่ระบุว่ามีฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ถือเป็นการเรียนรู้ เป็นการฝึกปฏิบัติการทางทหารให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามเป็นประชาชนทั่วไป โครงการจิตอาสาพระราชทานได้แสดงตนชัดเจน เพราะมุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ สถาบัน หากท่านติดตามจะเห็นว่าการดำเนินงานที่กองทัพทำนั้น คือ ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ให้ประชาชนเห็นว่ากองทัพทำอะไร มีภารกิจอะไร" พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง
รมช.กลาโหม ชี้แจงถึงประเด็นคลิปวีดีโอประชุมคอนเฟอเรนท์ของ มณฑลทหารบกที่ 21 ว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มองว่าการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านที่สื่อให้ประชาชนได้เห็น ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ใช้เพื่อใส่ร้ายหรือสร้างความเกลียดชังให้ประชาชนแตกแยก สิ่งที่ทำคือการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบผลงานและสิ่งที่ถูกต้องเพื่อความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งหรือเกลียดชังในสังคม