รายงานข่าว แจ้งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวอดีตแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ทั้ง 8 คนแล้ว ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำเลยในคดีชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556 โดยตีราคาประกันคนละ 800,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
โดยคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ระบุว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 1 กับพวก เคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นมาก่อน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไม่มาศาลตามกำหนดนัด แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย แต่โทษจำคุกสำหรับความผิดในแต่ละกระทงก็ไม่สูงนัก อีกทั้งจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ตีราคาประกัน 8 แสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยเร็ว
รายงานข่าว แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.05 น. อดีตแกนนำ กปปส.ทั้ง 8 ตนที่ได้รับการปล่อยตัวได้เดินออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพพร้อมกันในชุดเสื้อสีขาว กางเกงขาสั้นสีกรมท่า โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนไปรอต้อนรับ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนอดีตแกนนำทั้ง 8 คนขอบคุณประชาชนที่เอาใจช่วย พร้อมยืนยันว่าทุกคนยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน และเคารพกระบวนการยุติธรรม โดยจะเดินหน้าพิสูจน์ความจริงตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม และไม่เคยนำหนิศาล เพราะเคารพผลประโยชน์ของประเทศชาติ
เมื่อได้รับการประกันตัวแล้วก็จะไปรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงในสำนวน และรีบทำเรื่องยื่นอุทธรณ์ต่อไป แต่รู้สึกเสียใจที่ 3 รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งตนเองถือว่าเป็นกำลังสำคัญในรัฐบาลชุดนี้ แต่ละคนที่เข้าไปทำหน้าที่โดยไม่ได้มาจากการส่งเสริมของ กปปส.เพราะไม่ได้หวังให้คนของ กปปส.มีตำแหน่ง แต่คนเหล่านี้มีความสามารถจึงได้ทำหน้าที่ ซึ่งตนเองภูมิใจ และเห็นใจที่ตอนเช้ายังเป็นรัฐมนตรีแต่ตอนบ่ายต้องกลายเป็นผู้ต้องขัง เป็นความเปลี่ยนแปลงฉับพลัน รุนแรง
ขณะที่นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ กล่าวว่า เสียดายโอกาสในการทำงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อครูนักเรียนและการศึกษาไทย แต่ก็ยอมรับผลการตัดสินของศาล แม้จะทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ คิดว่ายังพอมีทางเดินไปข้างหน้า แต่ยอมรับว่าการตัดสินครั้งนี้มีผลในหลายด้าน ทั้งเรื่องตำแหน่งทางการเมืองและการทำงานในพรรคพลังประชารัฐต้องคิดหนัก ตนเองเป็นห่วงคนอื่นๆ ทั้งนี้ก็ยังยึดมั่นการทำงานเพื่อประเทศชาติไม่ว่าจะในทางใด สำหรับการเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ตนเองมั่นใจว่ามาด้วยความสามารถ ที่ผ่านมามั่นใจว่าได้ปฏิรูป ไม่ว่าจะก่อนเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง แต่ทำในบริบทที่สามารถทำได้