นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบิดเบือนข้อเท็จจริงในสื่อโซเชียลโดยอาศัยกรณีที่ศาลอุทธรณ์ ได้ให้ประกันตัวชั่วคราวกับอดีตแกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คน แล้วนำไปเทียบเคียงกับกรณีของแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชน 4 คน ที่ยังไม่มีการปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยการใส่ร้ายโจมตีอำนาจตุลาการ โจมตีศาลยุติธรรม โดยกล่าวหาว่าศาลมีสองมาตรฐาน ศาลมีระบบตั๋ว เหมือนกับมีใบสั่งเพื่อให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวนั้นว่า
สาเหตุของการที่ตนต้องพูดเรื่องนี้ เพราะแม้เรื่องนี้อาจจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรมในการตรวจตราดูเรื่องดังกล่าว แต่ตนคิดว่าในบางเรื่องสำนักงานศาลฯ ก็ไม่สามารถกล่าวเพื่อให้บุคคลที่กระทำความผิดนี้ให้รู้สำนึกได้ ดังนั้นตนจึงได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อให้พิเคราะห์พิจารณาถึงการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนี้ ว่ามีความผิดตามมาตรา 198 หรือไม่
"นี่คือกระบวนการกล่าวหาใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมให้เกิดความเสียหาย ทำลายความน่าเชื่อถือ ผมจะไม่บอกชื่อว่า ส.ส.คนนี้เป็นใคร แต่ผมอยากบอกข้อเท็จจริงว่า กรณีการให้ประกันตัว หรือไม่ให้ประกันตัวนั้น ตุลาการดูจากข้อเท็จจริงในสำนวน พฤติการณ์แห่งคดี ข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน"
นายราเมศกล่าวว่า เรื่องของแกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คน ที่มีการยื่นประกันตัวนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งให้มีการประกันตัว แต่ส่งไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์จะได้พิเคราะห์ว่ามีพฤติกรรมที่จะหลบหนีหรือไม่ มีหลักทรัพย์ในการยื่นประกันมากพอตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หากปล่อยไปแล้วจะไปกระทำความผิดอีกหรือไม่ หากปล่อยไปแล้วจะมีความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วจึงมีดุลยพินิจให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากนำเรื่องนี้ไปเทียบเคียงกับ แกนนำ 4 คนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการกล่าวอ้างนั้น ก็พบว่าศาลได้พิจารณาปล่อยตัวไปแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อศาลได้อนุญาตแล้ว หากมีการไปประพฤติ หรือไปกระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำอีก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสำนวนคดีที่ศาลจะนำไปสู่การใช้ดุลพินิจของศาล
"ผมอยากเตือนด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็แล้วแต่ที่ออกมาโจมตี ใส่ร้าย กระบวนการยุติธรรม มีการกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้แตกต่างไปจากความเป็นจริง ท่านไม่รู้ในสำนวนท่านไม่ทราบหรอก การที่บอกว่ามีระบบตั๋ว เกิดความลักลั่นนี้ มาตรา 198 ประมวลกฎหมายอาญาระบุไว้ชัดว่า ผู้ใดหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ดังนั้นจึงเข้าข่ายลักษณะดูหมิ่นศาลแน่นอน ผมขอเตือนให้หยุดพฤติกรรมที่ใส่ร้าย ให้ร้ายโจมตีกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผมได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อให้พิเคราะห์พิจารณาถึงการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนี้ ว่ามีความผิดตามมาตรา 198 หรือไม่ หากเห็นว่ามีความผิดก็จะต้องดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไม่ให้เกิดเป็นกระบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรมต่อไป" นายราเมศ กล่าว