นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ของอดีตแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ว่า แม้จะมีความชัดเจนระดับหนึ่งจากคำพิพากษาจำคุก แต่มองเป็นเรื่องดีว่าเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับถัดไป และการเลือกตั้งซ่อมของส.ส.เขต ซึ่งจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา
"หากระหว่างกระบวนการ เกิดข้อถกเถียง และมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะเกิดความยุ่งยาก ดังนั้นเมื่อ กกต.มีอำนาจส่งศาลได้อยู่แล้ว ทุกอย่างจะได้จบ" นายวิษณุกล่าว
พร้อมเชื่อว่า ผลที่ออกมาจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต ซึ่งกรณีแกนนำ กปปส. มีประเด็นปัญหาว่าเป็นการถูกคุมตัวโดยคำพิพากษา หรือหมายศาล ดังนั้นเมื่อมีคำวินิจฉัยก็จะทำให้หมดข้อสงสัย
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการลงมติในวาระ 3 หรือไม่ว่า ต้องรอผลว่าจะออกมาในทิศทางใด ซึ่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้สอบถามขั้นตอนไปยังสภาผู้แทนราษฎรว่าเมื่อผ่านวาระ 2 และเข้าสู่วาระ 3 จะต้องทิ้งระยะเวลาอย่างน้อย 15 วัน เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาฯ เพราะรัฐบาลต้องดำเนินการและนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยเบื้องต้นทราบว่า นอกจากมีวาระการโหวตร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีวาระเรื่องการให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายประมวลยาเสพติดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่าทำได้ ก็สามารถเดินหน้าในการโหวตวาระ 3 ต่อ แต่หากมีคำสั่งว่าทำไม่ได้ กระบวนการต่างๆ ที่ดำเนินการก็ถือว่าเป็นศูนย์ และต้องกลับมาพิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป
ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี เมื่อมีการส่งมา ก็เป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าการตรวจสอบจะใช้เวลาไม่นานมากนัก ไม่เหมือนกับการฟอร์มรัฐบาลใหม่ เพราะบางคนอาจอยู่ในตำแหน่ง ส.ส.มาก่อน ซึ่งมีการตรวจสอบคุณสมบัติมาก่อนหน้านี้แล้ว