เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง โดย พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
โดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) และคำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้องจึงห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่าย ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดปทุมธานี
เว้นแต่ เป็นการดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรคโดยมีมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ หรือการดำเนินการของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน องค์กร ภาคเอกชน หรือหน่วยงาน องค์กรอื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย หรือการทำกิจกรรมภายในครอบครัวที่อยู่ใน เคหสถาน
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
เนื่องจากปัจจุบันยังปรากฏว่าพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบุคคลกลุ่มต่างๆในลักษณะกลุ่มก้อน(Cluster) ภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณตลาด ชุมชน และสถาบันการศึกษา ของพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดปทุมธานี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังคงปรากฏสถานการณ์ในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น จึงยังมีความจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนด อาทิ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย และการป้องกันการสัมผัสของบุคคลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) ภายในประเทศ กระจายไปในวงกว้างและสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ