นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงท่าทีต่อการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าสามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ ดังนั้นฝ่ายค้านจะดำเนินการเพื่อไม่ให้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะเดินหน้าพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ต่อไป โดยในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ประธานสภาควรนำเรื่องการทำประชามติเข้ามาหารือในที่ประชุมด้วย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้นสอดคล้องกับเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในรัฐสภา วาระที่ 1 และ 2 ถือว่าไม่เป็นโมฆะ และเราจะเดินหน้าไปสู่วาระที่ 3 ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ เพราะสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่นั้นคือการแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา คือ มาตรา 256 ไม่ใช่แก้ไขทั้งฉบับ การที่สมาชิกรัฐสภาบางคนพยายามลดทอนอำนาจของตัวเอง โดยบอกว่าวาระที่ 1 และ 2 เป็นโมฆะนั้น เป็นการตีความที่ไม่ถูกต้อง
แม้ว่าวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ประธานรัฐสภาจะกำหนดวันประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 แล้ว แต่กระบวนการทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นการพายเรือวนอยู่ในอ่าง มีความพยายามประวิงเวลา และถ่วงเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้ามีการโหวตคว่ำในการประชุมรัฐสภาในวาระที่ 3 อีกก็จะได้รู้กันว่าใครมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยแค่ไหน
พรรคฯ เห็นว่าถ้ารัฐบาลมีความจริงใจ แต่จะโหวตคว่ำในวาระที่ 3 ปิดประตูการแก้ไข ศาลรัฐธรรมนูญได้บอกวิธีลดอุณหภูมิการเมือง คือให้รัฐบาลใช้มาตรา 166 เพื่อสอบถามประชาชนว่าอยากแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นี่คือกุญแจนำไปสู่ทางออก
นายพิธา กล่าวต่อว่า พรรคยืนยันว่าอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของรัฐสภาตั้งแต่ต้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นการยืนยันความปกติของการเมืองไทยว่ารัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ฉีกง่ายกว่าแก้ และจากนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรมาจากการล้มล้างการปกครอง หรือการทำรัฐประหารอย่างเดียว แต่ควรอยู่คู่กับกลไกรัฐสภาในระบบประชาธิปไตย
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประธานรัฐสภาทำถูกแล้วในการบรรจุกำหนดวันโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ดังนั้นในการประชุมควรพิจารณาเห็นชอบเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวว่ารับหรือไม่รับ
นอกจากนี้ รัฐบาล ส.ว. และรัฐสภา ต้องเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือทางออกสำหรับวิกฤตประเทศ หากมีการโหวตคว่ำหรือไม่มีการโหวตก็จะค้านกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องเดินหน้าโหวตวาระ 3