ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) วาระ 3 โดยเห็นชอบเพียง 208 เสียง เป็นเสียง ส.ว.เพียง 2 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง (ส.ว.), งดออกเสียง 94 เสียง (ส.ว. 84 เสียง, ส.ส.10 เสียง) และ ไม่ประสงค์ลงคะแนน 136 เสียง (ส.ว.127 เสียง,ส.ส.9 เสียง) หลังใช้เวลาหารือตั้งแต่ 9.30 น. จนถึงลงมติเมื่อเวลาประมาณ 23.15 น.ของเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 มี.ค.) โดยเป็นการขานชื่อรายบุคคล
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กำหนดว่า การออกเสียงวาระ 3 ต้องได้เสียงเห็นชอบจากวุฒิสภา ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง จากจำนวนทั้งหมด 250 เสียง แต่การออกเสียงดังกล่าวได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญ ปี 60 กำหนด
สำหรับ ส.ว. 250 คน เสียงส่วนใหญ่ ออกเสียงไม่ลงคะแนนและงดออกเสียง ทั้งนี้ มีเพียง ส.ว. 2 คน คือ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. และ นายพิศาล มาณวพัฒน์ ที่ลงมติเห็นชอบ
ขณะที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. , นพ.พลเดช ปิ่นประทีม ส.ว., นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา ส.ว. และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ลงมติไม่เห็นชอบ
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเด็ดขาดผูกพันทุกองค์กร และการดำเนินการมาตรา 15/1 ถือเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะต้องไปทำประชามติถามประชาชน แต่ขณะนี้ทุกอย่างผ่านขั้นตอนไปหมดแล้ว เดินหน้าต่อก็ไม่ได้ ดังนั้นญัตติของนายสมชาย แสวงการ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ที่ขอให้ไม่ลงมติวาระ 3 ถูกต้องแล้ว เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ส่วนญัตติของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อความชัดเจนอีกครั้งเป็นความคิดของนายจุรินทร์ แต่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณามาแล้ว หากส่งอีก จะเป็นการวินิจฉัยซ้ำ
ส่วนทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากนี้จะเดินหน้าอย่างไรนั้น พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวว่า รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ทุกเวลาโดยรัฐสภา คือแก้ไขเป็นรายมาตรา ตรงไหนสถานการณ์ไม่เหมาะสมอยากเสนอแก้ไขก็เสนอมาได้ตลอดเวลา แต่ถ้าจะรื้อรัฐธรรมนูญใหม่ทำไม่ได้ และหากเสนอเป็นรายมาตราเข้ามา ถ้าจะแก้ได้ทันทีทันใดวันนี้หรือพรุ่งนี้ ส.ว.ก็พร้อมสนับสนุน