นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย วอล์คเอ้าท์ในการโหวตการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ว่า การไม่อยู่ลงมติในวาระ 3 เพราะพรรคภูมิใจไทยได้แสดงเจตนารมย์กับประชาชนไว้และได้ร่วมแก้รัฐธรรมนูญผ่านมา 2 วาระแล้ว แต่เมื่อมาถึงวาระที่ 3 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยก็ต้องทำตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องให้ไปทำประชามติก่อน เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในฐานะเจ้าของประเทศ เนื่องจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลต่อเนื่องทุกองค์กร
"พรรคภูมิใจไทย จึงยึดคำสั่งศาลมากกว่าความคิดเห็นของนักกฏหมาย เนื่องจากถ้าทำผิด ก็เสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคได้ ไม่อยากตีความกันเอง เพราะถ้าตีความผิดก็จะวุ่นวาย เมื่อมีคนไปร้อง จะถูกข้อหายุบพรรคอีก" นายอนุทินกล่าว
โดยยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหา ยังสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเรื่องนี้ต้องแยกส่วนกัน ที่เป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร และตนไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เลย
ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การยุบสภาหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า จะมาถามตนได้อย่างไร เพราะไม่มีอำนาจในการยุบสภา และยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีการถอนตัวในการร่วมรัฐบาล เพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องของสภา และเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
ส่วนหลังจากนี้ พรรคภูมิใจไทยจะเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า ให้ยึดคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน จะร่างใหม่ทั้งฉบับ หรือรายมาตรา ต้องถามประชาชนก่อน ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ และยืนยันจะไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์ และต้องดูว่าแก้อย่างไรไม่เหนื่อย ไม่แก้ผิดกฏหมาย และไม่ต้องมาลุ้นว่าจะถูกยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งวันนี้คนที่ลงมติวาระ 3 ถูกยื่นร้องตรวจสอบแล้ว
ส่วนกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาต่อว่าพรรคภูมิไทยใจว่าไม่ทำตามที่หาเสียงกับประชาชนนั้น เรื่องนี้นายอนุทิน ย้อนกลับว่า ถ้าเป็นการวิจารณ์บุคคลทำได้ แต่อย่ามาก้าวก่ายเรื่องขององค์กร เพราะไม่ใช่หน้าที่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพรรคภูมิใจไทยยินดีที่จะเดินตามกระบวนการ ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ และย้ำว่า ต้องทำตามศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทยยังคงจะยืนยันในเจตนารมย์การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่าพรรคภูมิใจไทยก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เห็นว่าควรมีการแก้ไข แต่ยืนยันว่าจะไม่แตะต้องในหมวดพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับมาตราที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีโทษเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นที่รุนแรงอยู่แล้ว ถ้าจะแก้ก็คงจะเป็นลักษณะของการเพิ่มบทลงโทษ และความรวดเร็วในการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ระบุว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะการกรณีให้ ส.ว. 250 คน โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ต้องอดทนไปก่อน เพราะมาตรานี้เป็นบทเฉพาะการมีระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ซึ่งมองว่าไม่ได้เป็นปัญหา พร้อมกล่าวทิ้งท้ายในประเด็นนี้ว่า
"มันไม่ใช่ปัญหา แล้วเราจะชักใบให้เรือเสียทำไม ไดโนเสาร์มันก็ไปเอง ไม่มีใครไปทำลายเขาได้" นายอนุทิน กล่าว