จีนตั้งเป้ากระตุ้นการใช้พลังงานทดแทนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

          แผนพัฒนาแห่งชาติของจีนซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า จีนจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนขึ้นเป็น 15% ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2563 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
          เฉิน เต๋อหมิง รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) กล่าวว่า จีนต้องใช้เงินทุนกว่า 2 ล้านล้านหยวน (ราว 2.667 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ระหว่างปี 2549-2563 ในการดำเนินตามแผนการดังกล่าว
          แผนการดังกล่าวเน้นไปที่การพัฒนาพลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานจากซากพืชซากสัตว์ และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้จีนสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างสะอาดและปลอดภัย
          นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า กล่าวเมื่อช่วงต้นปีว่า "นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหัพภาคในปัจจุบันต้องให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยก๊าซพิษ มิเช่นนั้นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจีนจะไม่สามารถต้านทานการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้"
          ภายในปี 2563 NDRC วางแผนที่จะติดตั้งโรงงานผลิตกระไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งมีกำลังผลิต 300 ล้านกิโลวัตต์, โรงงานไฟฟ้าพลังลมกำลังผลิต 30 ล้านกิโลวัตต์, โรงงานไฟฟ้าจากซากพืชซากสัตว์กำลังผลิต 30 ล้านกิโลวัตต์ และโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังผลิต 1.8 ล้านกิโลวัตต์
          เพื่อให้แผนการดังกล่าวประสบความสำเร็จ จีนจะกระตุ้นให้มีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น และจะสนับสนุนให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนผ่านนโยบายบังคับและนโยบายด้านภาษีและการให้ราคาพิเศษ สำนักข่าวซินหัวรายงาน