นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปร่างแยกเป็นรายประเด็น ร่างละ 1 ประเด็น โดยไม่นำหลายประเด็นไปรวมในร่างเดียวเพราะหาก 1 ร่าง มี 3 ประเด็น เห็นด้วย 2 ประเด็น ไม่เห็นด้วย 1 ประเด็น ก็จะทำให้ร่างนั้นตกไป และนำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ประเด็นไหนที่เห็นตรงกัน หรือประเด็นไหนที่ยังเห็นไม่ตรงกันและจะปรับไปเป็นอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็จำเป็นจะต้องอาศัยเสียงร่วมกัน และต้องอาศัยเสียงวุฒิสมาชิก และฝ่ายค้านด้วย การแก้รัฐธรรมนูญจึงจะสำเร็จได้ คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์จะดำเนินการเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะได้นำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมเสนอร่างกฎหมายของตัวเองนั้นต้องถามพรรคพลังประชารัฐเอง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเร่งด่วนที่เห็นสมควรแก้ไขเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 256 ซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสมาชิก รวมทั้งประเด็นอื่นๆ เช่นเรื่องของสิทธิชุมชน เรื่องการกระจายอำนาจ เป็นต้น โดยจะได้มีการไปลำดับความสำคัญ และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ต่อไป
ส่วนกรณีกฎหมายประชามติที่มีแนวโน้มจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความนั้น หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า พรรคสนับสนุนกฎหมายประชามติ หากนำเข้าสู่การพิจารณาต่อไปก็จะให้ความเห็นชอบ เพราะอยากเห็นกฎหมายประชามติเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเมื่อบังคับใช้แล้วก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำไปใช้แก้รัฐธรรมนูญให้ประสบความสำเร็จได้
"ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการวาระที่สอง และบังเอิญไปสะดุดอยู่ที่มาตรานึง ซึ่งกรรมาธิการก็ขอไปปรับปรุงแก้ไขร่างในมาตราอื่นๆ ที่ตามมา เพราะว่าบังเอิญมีมาตรานึงที่ไม่เป็นไปตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก และมาตราต่อมาก็ร่างสอดคล้องกับไปแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อกลายเป็นเรื่องที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ก็เลยต้องไปปรับแก้ไขมาตราอื่นๆ ที่ตามมาให้สอดคล้องกัน ก็ให้เวลาก่อน เมื่อเสร็จมาแล้วนำกลับมาก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการจนครบวาระที่สอง และวาระที่สาม ประชาธิปัตย์ก็เห็นว่ากฎหมายประชามติเป็นเรื่องจำเป็น และพร้อมจะให้การสนับสนุน" นายจุรินทร์ กล่าว