นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เพื่อวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า เตรียมพิจารณาปรับลดการลงพื้นที่พบปะประชาชน งดการประชุมกรรมาธิการบางคณะ และปรับเปลี่ยนการประชุมเป็นระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของ ศบค. พร้อมเตรียมทบทวนแผนปฏิรูปประเทศด้วย
เนื่องจากขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระจายไปทุกพื้นที่ หากมีสมาชิกวุฒิสภาติดเชื้อก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตนเองจึงได้สั่งการให้เลขาธิการวุฒิสภาประสานงานไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อแสดงความจำนงขอลงชื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเหมือนเช่นประชาชนทั่วไป ตามความจำเป็นในการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่เป็นการใช้อภิสิทธิ์ตามที่มีการกล่าวหา
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ขอความร่วมมือคณะกรรมาธิการฯ อนุกรรมาธิการฯ งดประชุมจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งการประชุมผ่านระบบออนไลน์ และขอความร่วมมือสมาชิกให้ใช้ความระมัดระวังกรณีลงพื้นที่พบกับประชาชน
ส่วนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนที่มีการลงไปในแต่ละพื้นที่นั้น ที่ประชุมเห็นควรให้งดการลงพื้นที่ไปก่อน แต่ยังคงรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ในฐานะผู้รับผิดชอบจะเป็นผู้ประสานดูแลรายละเอียด
โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีมีพนักงานราชการฝ่ายบริการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิค-19 ว่า นายณัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ยืนยันต่อที่ประชุมว่ามีการดูแลเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเป็นอย่างดี รวมทั้งบุคคลกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยได้มีการตรวจหาเชื้อและกักตัวตามมาตรการ รวมทั้งบุคลากรของวุฒิสภาที่เดินทางไปต่างจังหวัดให้เริ่ม WFH หรือตรวจสอบอย่างเข้มงวดหากต้องเข้ามาปฎิบัติงานในรัฐสภา ซึ่งจากการตรวจสอบไทม์ไลน์พนักงานราชการฝ่ายบริการในวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้วคาดว่าน่าจะมีการติดเชื้อหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม ประธานวุฒิสภาได้ย้ำว่าบุคลากรในทุกพื้นที่มีสิทธิเสี่ยงจึงขอให้พยายามดูแลอย่างดีที่สุด ลดการปฎิบัติงานในพื้นที่ให้มากที่สุด ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนให้สมาชิกนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการจัดเตรียมให้กับสมาชิกรัฐสภา โดยการประสานงานของกระทรวงสาธารณสุขและกรรมาธิการการสาธารณสุข โดยมีการฉีดเข้มแรกเมื่อวันที่ 8-9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยกรณีนี้ถือเป็นความสมัครใจของสมาชิก ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง