นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า งบประมาณปี 2565 ประชาชนไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ต้องการเห็นงบประมาณที่มีสามัญสำนึกที่รู้ว่าอะไรควรจ่าย อะไรไม่ควรจ่าย แต่ที่ผ่านมาการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลนี้ไม่เคยมีจิตสามัญสำนึก มีแต่เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย จนทำให้ประชาชนเจ็บป่วยล้มตายไปเรื่อยๆ
อย่างกรณีงบกองทัพบกปี 65 ภาพรวมปรับลดงบประมาณลง 6,603 ล้านบาท แต่ในรายละเอียดอย่างโครงการเสริมสร้าง จัดหายุทโธปกรณ์ ปี 64 มีงบอยู่ที่ 3,132 ล้านบาท พอมาปี 65 กลับงอกเพิ่มขึ้นมา 1,805 ล้านบาท เป็น 4,937 ล้านบาท, กองทัพเรือ ภาพรวมในปี 65 ปรับลดลง 1,130 ล้านบาท แต่พอเจาะเข้าไปดูโครงการเสริมสร้าง จัดหายุทโธปกรณ์ ก็มีพฤติกรรมเดียวกัน ปี 64 มีงบอยู่ที่ 533 ล้านบาท พอมาปี 65 ถูกปรับเพิ่มขึ้น 873 ล้านบาท งอกมาเป็น 1,406 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณเสริมสร้างและจัดหายุทโธปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น ของกองทัพบก และกองทัพเรือ เมื่อรวมกันแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 2,678 ล้านบาท
ถ้าทั้งกองทัพบก และกองทัพเรือ จะเห็นแก่ประชาชน ไม่ใช่ห้ามไม่ให้จัดหา แค่ขอให้จัดหาเท่ากับปีที่แล้ว เงิน 2,678 ล้านบาทนี้ก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดได้มากมาย
นายวิโรจน์ ระบุว่า หากรัฐบาลนำเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ก็จะซื้อได้ 4.4 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนได้ 2.2 ล้านคน ถ้าซื้อแอสตร้าเซนเนก้าจะซื้อได้ 22 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนได้ 11 ล้านคน เอาไปใช้ตรวจ RT-PCR เพื่อตรวจการติดเชื้อก็จะตรวจให้กับประชาชนได้ถึง 1 ล้านคน เอาไปซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ได้ 22 ล้านเม็ด สามารถเอามาช่วยชีวิตประชาชนได้ถึง 446,000 คน งบประมาณที่อ้างว่าปรับลดลงแล้ว ถ้ายังมีงบที่ไม่ถูกกาลเทศะซุกซ่อนอยู่ ก็ต้องปรับลดลงอีก
ในส่วนงบด้านการป้องกันประเทศถูกปรับลดลง 10,383 ล้านบาท คิดเป็น 4.9% แต่งบสาธารณสุข และงบการศึกษา กลับถูกปรับลดลงมากกว่า งบสาธารณสุขที่จำเป็นมากๆ ต่อชีวิตของประชาชนกลับถูกปรับลดลงถึง 37,207 ล้าน คิดเป็น 10.8% งบการศึกษา ที่เป็นงบของอนาคตของประชาชน ถูกปรับลดลงถึง 26,524 ล้าน คิดเป็น 5.5% ประเทศที่ไม่ป้องกันชีวิตของประชาชน ไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตของประชาชน แล้วจะป้องกันประเทศแบบนี้ไปเพื่ออะไร
"สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ อยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ประชาชนอยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ไม่รู้ว่าจะได้วัคซีน หรือฟอร์มาลีนก่อนกัน คนทำมาค้าขาย SME ยิ่งทำก็ยิ่งมีแต่หนี้ มีแต่เจ๊ง มีคนตกงานไปแล้วถึง 6 ล้านคน นักศึกษาจบใหม่ 1.3 ล้านคนเคว้งหางานทำไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 7 ปี เห็นมีแต่คลองโอ่งอ่างกับบัตรคนจน"
พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า ไม่อาจที่จะรับได้ และขอเรียกร้องรัฐบาลที่ไร้จิตสำนึกชุดนี้ ลาออกไป อย่ามาอ้างว่า สถานการณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ไม่ควรจะเปลี่ยนม้ากลางศึก