นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ทั้งการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น จะทำได้หรือไม่ เพราะต้องอาศัยเสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงขึ้นไปสนับสนุน ดูแล้วร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านมีโอกาสผ่านยาก เพราะเรื่องการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน หรือการตัดอำนาจ ส.ว. โหวตนายกฯ เป็นการทำเพื่อหาเสียง
"ขณะนี้เสียง ส.ว.ตกผลึก เบื้องต้นจะให้ผ่านเฉพาะร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนร่างของฝ่ายค้านคงไม่ผ่าน" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ร่างจากพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนานั้น ถ้าเสนออยู่ในหลักการที่เป็นไปได้ ไม่สุดโต่ง หรือทำเพื่อหาเสียงให้ตัวเอง ส.ว.ก็ยินดีสนับสนุน แต่ถ้าสุดโต่งเกินไป ก็คงไม่ผ่าน ต้องไปหาเสียงสนับสนุนเอาเอง ยืนยันว่าส.ว.ไม่ใช่อุปสรรคในการแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นที่พึ่งฝากความหวังได้ เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องมีเนื้อหาเหมาะสม ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง และไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
ส่วนกรณีที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาแก้มาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายเสรี กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯ ของ ส.ว. เป็นอำนาจตามบทเฉพาะกาล 5 ปี เพื่อมาแก้วิกฤตประเทศ เสียงส.ว.ไม่มีผลอะไรเลย ถ้ามีเสียงสนับสนุนจากส.ส.ไม่ถึงครึ่งในการโหวตนายกฯ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกันจึงจะสำเร็จ
"ขอเตือนสติให้รับรู้ว่าใครที่ทำเก่ง ทำกล้า เสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ลุแก่อำนาจ เน้นแต่หาเสียง สนุกปากเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าพรรคใดเสนอมาจะไม่ผ่านแม้แต่ร่างเดียว ส.ว.จะไม่รับร่าง เพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เป็นแค่การหาเสียง มุ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่"นายเสรี กล่าว