นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวชี้แจงกรณีไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า ประธานมีหน้าที่ทำตามข้อบังคับและกฎหมายโดยเคร่งครัด ว่าเรื่องใดที่บรรจุได้หรือบรรจุไม่ได้ ซึ่งก่อนจะบรรจุระเบียบวาระ สภามีวิธีปฎิบัติอยู่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่กลั่นกรอง และกรณีใดที่ต้องการความมั่นใจก็จะประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่บางคนอาจจะไม่ได้ดั่งใจจึงออกมาโวยวาย แต่โดยทั่วไปมีระบบอยู่แล้ว ประธานจะทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ยืนยันว่าเคารพความเห็นของทุกคน "ทุกอย่างอยู่ในกติกา กฎเกณฑ์โดยเคร่งครัด โดยสุจริตและเปิดเผย ไม่มีอะไรที่เป็นลับลมคำใน และไม่มีใครมายุ่งหรือสั่ง ไม่ว่ารัฐบาลหรือใคร ซึ่งจะเห็นว่าบางครั้ง อาจจะมีบางญัตติที่ไม่ตรงใจรัฐบาลด้วยซ้ำ เช่น ญัตติอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ฯ รัฐบาลเห็นว่าไม่ควรบรจุ แต่ผมก็บรรจุ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัย เป็นแค่ให้ความเห็นเท่านั้น ดังนั้นยืนยันทุกอย่างตรงไปตรงมา ขอย้ำว่าประธานฯ ไม่มีสิทธิทำอะไรที่ละเมิดกฎเกณฑ์" นายชวน กล่าว
ส่วนญัตติดังกล่าวจะถือว่าตกไปหรือไม่นั้น นายชวน กล่าว่า ยังไม่วินิจฉัยในเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายชวน ได้ตรวจความพร้อมห้องประชุมพระสุริยันต์ เพื่อตรียมประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะมีสมาชิกร่วมประชุม 700 กว่าคน เพื่อให้ปฎิบัติตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมเรื่องของการลงมติในกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการประชุมวันที่ 23-24 มิ.ย.รวม 13 ฉบับ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการลงมติด้วยเวลาที่ไม่นานเกินไป โดยยึดระเบียบข้อบังคับโดยเคร่งครัด ซึ่งทุกคนจะต้องพูดทั้ง 13 ฉบับว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยทุกฉบับ จากเดิมในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย จะใช้วิธีว่าเห็นด้วยฉบับที่เท่าไรบ้าง ไม่เห็นด้วยฉบับที่เท่าไรบ้าง เพราะเกรงว่าคนนับคะแนนจะสับสน จึงต้องยอมเสียเวลา รวมทั้งจะมีระบบในการตรวจสอบบันทึกไว้ด้วย
ประธานรัฐสภายังขอความร่วมมือทุกคน ในเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลาที่อยู่ภายในอาคาร และขอร้องสมาชิกรัฐสภาว่าผู้ที่ไม่ได้อภิปราย ไม่จำเป็นต้องอย่ในห้องประชุม เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่น
ด้าน นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจคัดกรองโควิด-19 กลุ่มแม่บ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยง พบการติดเชื้อเพิ่มอีก 2 คน จากกลุ่มแม่บ้านเก็บจานที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ปิดพื้นที่เสี่ยงซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารแล้วเป็นเวลา 3 วัน พร้อมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มพื้นที่เสี่ยงไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติม