นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้ลงนามในประเด็นการตัดอำนาจส.ว.ในทุกร่างที่ได้มีการเสนอ เนื่องจากพรรคเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหว และนำไปสู่ความขัดแย้งได้ ในขณะที่ปัจจุบันสังคมก็มีความขัดแย้งอยู่แล้ว โดยเฉพาะการแก้ไขต่างๆ เหล่านี้ จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ว. ด้วย ดังนั้นหากมีการตั้งข้อกำหนด หรือกฎกติกาที่จะไปตัดอำนาจของส.ว. ที่เปรียบเสมือนการตัดมือตัดเท้านั้น ก็ทำให้ไม่มั่นใจว่า ส.ว.จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้นเรื่องใดที่จะเป็นประเด็นขัดแย้ง ทางพรรคจึงขอพักไว้ก่อน นอกจากนี้ อำนาจส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็เป็นบทเฉพาะกาล ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะหมดไปตามรัฐธรรมนูญ
นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ว่าจะแก้ธรรมนูญจะออกมาเป็นแบบไหน ก็จะมีกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ และกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ ซึ่งคนที่เสียประโยชน์ก็มักออกมาระบุว่าอีกฝ่ายแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตน ขณะที่คนที่ได้ประโยชน์ ก็จะมีเหตุผล เช่น บัตรเลือกตั้งจะเป็น 1 ใบหรือ 2 ใบ ต่างก็มีข้อดีและข้อด้อย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของประเทศชาติ
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือ จะมีผู้ที่ได้และผู้ที่เสียประโยชน์จากการแก้กลไก ซึ่งเรื่องเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และทางพรรคเองก็เข้าใจในข้อเท็จจริงนี้ แต่ที่สุดแล้ว เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ มีการกำหนดออกมา พรรคก็ต้องเตรียมตัวกับการเลือกตั้งในอนาคต
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ยึดแนวทางตามเสียงข้างมากของสภาฯ ว่าจะใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบหรือ 2 ใบ โดยหลักสำคัญ คือให้ประชาชนที่มีสิทธิ์สามารถเลือกคนที่รัก พรรคที่ชอบได้ หากประชาชนได้รับประโยชน์มากกว่า ทางพรรคก็ยินดีจะสนับสนุน
ส่วนการลงคะแนนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายวราวุธ มองว่า สมาชิกควรลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการประชุมและประสานงานภายในพรรค เพื่อกำหนดทิศทางร่วมกัน