(เพิ่มเติม1) สมช.ลดพื้นที่ใช้กฎอัยการศึกลง 8 จังหวัด แต่เชียงใหม่-บุรีรัมย์ยังคงไว้

ข่าวการเมือง Friday October 12, 2007 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)มีมติให้ลดพื้นที่การประกาศกฎอัยการศึกลง 8 จังหวัด โดยเป็นการยกเลิกในพื้นที่ 11 จังหวัด แต่ให้เพิ่มอีก 3 จังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน ทำให้คงมีพื้นที่ที่ยังใช้กฎอัยการศึก 27 จังหวัด ซึ่ง สมช.จะนำผลสรุปเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในสัปดาห์หน้า 
พื้นที่ 11 จังหวัดที่ยกเลิกกฎอัยการศึก ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กำแพงเพชร หนองบัวลำภู และ อุดรธานี
ส่วน 3 จังหวัดที่ประกาศเพิ่มเติม คือ หนองคาย นครพนม และ มุกดาหาร
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เหตุผลที่คงกฎอัยการศึกบางพื้นที่ไว้เป็นเพราะการพิจารณาจากประเด็นปัญหายาเสพติด และการลักลอบเข้าประเทศเป็นหลัก โดยพื้นที่เชียงใหม่และบุรีรัมย์จะยังคงกฏอัยการศึกไว้ตามเดิม แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่องของการเมืองแต่อย่างใด
ทั้งนี้พรรคการเมืองยังสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่ที่คงกฏอัยการศึกไว้ได้ต่อไป เพียงแต่ต้องไม่ขัดกับกฎระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
"พรรคการเมืองยังสามารถดำเนินกิจกรรมได้ อย่าไปขัดกับระเบียบ กกต.แล้วกัน และมีสิทธิที่จะหาเสียงได้ ซึ่งการคงกฎอัยการศึกไว้คงไม่เป็นปัญหาสำหรับการหาเสียง" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ดี สมช.ยังมีมติที่จะขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และอีก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลาต่อไปอีก 3 เดือน จากที่จะครบกำหนดในวันที่ 20 ต.ค.นี้ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
พล.อ.สนธิ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม สมช.มีมติจัดตั้งศูนย์บริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ(วอร์รูม) โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ สมช.ทำหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเน้นเรื่องการดูแลภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ แต่จะเป็นศูนย์สำหรับบริหารสั่งการเท่านั้นไม่ใช่ระดับปฏิบัติงาน
"เรื่องนี้เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ในการวางแผน แต่การปฏิบัติจะมีหน่วยที่ปฏิบัติงานอยู่แล้วทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นการตั้งศูนย์เพื่อบริหารการปฏิบัติงานเท่านั้น" รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือเรื่องใช้กำลังพล โดยจากนี้ไป สมช.จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กำกับดูแลและประสานงานในการใช้กำลังพลจากทุกหน่วยงาน ซึ่งจะเป็นการบูรณาการกำลังพลทั้งหมดที่มีอยู่เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ปฏิบัติงานในการป้องกันประเทศต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ