พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโฆษก บช.น.เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 9-11 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 3 กลุ่ม จำนวนประมาณ 70 ราย ในความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ
"การชุมนุมดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.ความสะอาด, พ.ร.บ.การใช้เครื่องกระจายเสียง ซึ่งมีผู้กระทำความผิดราว 70 ราย บช.น.ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับให้ดำเนินการโดยเด็ดขาดและรวดเร็ว" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ผู้ชุมนุมทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มอาชีวะปกป้องประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2.กลุ่มไทยไม่ทน นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ และ 3.กลุ่มคาร์ม็อบ นำโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์
ส่วนการกระทำความผิดในกรณีการยุยงปลุกปั่น การเชิญชวนให้เข้าร่วมการชุมนุม และการบิดเบือนข้อมูลนั้น ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอีกทางหนึ่งด้วย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า สตช. ได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมตั้งแต่กลางปี 63 มาแล้วหลายคดี และในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรง ผบ.ตร.มีความเป็นห่วงจึงได้กำชับให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยนำหลักรัฐศาสตร์มาใช้ควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมในภายหลัง
"หากมีการชุมนุมก็จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แม้ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายทันทีในขณะนั้น แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในภายหลัง ในสถานการณืนี้หากมีการชุมนุมอีกก็จะมีการดำเนินคดีในลักษณะนี้ต่อไป" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว