พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุนนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงสาธารณสุข ช่วงเย็นวานนี้ว่า สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมนำโดยนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ และนายธนเดช ศรีสงคราม หรือ ม่อน อาชีวะ ได้พยายามฝ่าแนวกั้น และใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการกระโดดถีบ และผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีการใช้กำลังเพื่อตอบโต้กลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด จากเหตุการณ์นี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 4 ราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย และได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินฯ, ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ, ความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ฯ และในวันนี้ (17 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว
ส่วนผู้ต้องหาที่ได้หลบหนีไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป อีกทั้งจะดำเนินการพิสูจน์ทราบและดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทุกรายต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประกาศเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วว่าการชุมนุมดังกล่าวนี้เป็นการกระทำผิดที่กฎหมาย และขอให้ยุติการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมไม่ให้ความร่วมมือ จนเกิดเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จึงขอเตือนผู้ที่กระทำความผิดและผู้ชุมนุมให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะนอกจากการกระทำของท่านจะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ยังทำให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ทราบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดรวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทุกรายอย่างถึงสุด
อีกทั้งขณะนี้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ได้มีประกาศ เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)(ฉบับที่ 6) ลง 16 ก.ค. 64 และ โดยเฉพาะการกระทำความผิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, ปริมณฑลและ 4 จังหวัดในภาคใต้ ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ก็จะมีโทษเพิ่มเติมอีก ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548(ฉบับที่ 27) ซึ่งห้ามไม่ให้มีการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมรวมตัวเกินกว่า 5 คน หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง