ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์และไอซีที ใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2565 ที่มีนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ได้มีการพิจารณางบประมาณของกรมควบคุมโรค โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มาชี้แจงรายละเอียด
ในระหว่างการประชุม นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ฝ่ายค้าน ได้สอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรคถึงสาเหตุที่มีการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้เปิดเผยเอกสารสัญญาการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จากหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กำหนดให้นำงบประมาณ 6.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเยียวยาไปจัดหาวัคซีน โดยเห็นควรให้กรมควบคุมโรคดำเนินการในการพิจารณาจัดหาวัคซีน หนังสือดังกล่าวยังระบุด้วยว่าขณะนี้โควิด-19 กลายพันธุ์แล้ว ดังนั้นให้หาวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีอื่นที่สามารถป้องกันเชื้อโควิดกลายพันธุ์ได้ หรือแปลว่าไม่ให้ใช้ซิโนแวค แต่ให้ใช้ยี่ห้ออื่น ซึ่งก่อนหน้านี้อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่าได้สอบถามไปยังองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ความว่ามีแต่วัคซีนซิโนแวค ไม่มีวัคซีนอย่างอื่น ดังนั้นจึงอยากถามว่า ทำไมราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จึงจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มได้ หรือแม้แต่เอกชนก็ยังหาวัคซีนยี่ห้ออื่นได้
"เมื่อถามย้ำอีกครั้ง อธิบดีกรมควบคุมโรคตอบใหม่เป็นครั้งที่สองว่า คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ซื้อซิโนแวค แต่กำหนดว่าให้จัดหายี่ห้ออื่นที่สามารถป้องกันการกลายพันธุ์ควบคู่ไปด้วย อีกเรื่องที่เป็นปัญหา คือสัญญาการจัดซื้อแอสตร้าฯ ตั้งแต่ในห้องประชุมใหญ่ของคณะ กมธ.จนถึงวันนี้ผ่านไป 5 วันก็ยังลับอยู่ ดังนั้นอธิบดีต้องเอามาให้ผม แอสตร้าเซนเนก้าจัดซื้อได้เท่าไร ต้องเปิดเผย" นายยุทธพงศ์ กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า จากเอกสารของสภาพัฒน์ชัดเจนว่าให้จัดหาวัคซีนควบคู่กันจำนวน 10.9 ล้านโดส กรมควบคุมโรคได้จัดหาแล้ว ได้มีการเจรจา และวันนี้ได้ลงนามกับไฟเซอร์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือแจ้งสภาพัฒน์ฯ เพื่อนำเงินกู้จำนวนดังกล่าวมาใช้ต่อไป ขอย้ำว่าควบคู่ไม่ได้แปลว่าไม่ให้ซื้อ การหาวัคซีนระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. 64 มีความสำคัญมาก เพื่อจะได้ฉีดให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว เวลากรมควบคุมโรคจัดหาวัคซีน จะจัดหาจากผู้ผลิตและตัวแทนต่างๆ ซึ่งในประเทศไทย คือ องค์การเภสัชกรรม ทางกรมควบคุมโรคได้มีหนังสือสอบถามไปว่ามีวัคซีนอะไรให้กับกรมควบคุมโรคบ้าง ซึ่งองค์การเภสัชฯ แจ้งกลับมาว่ามีวัคซีนซิโนแวค
รายงานข่าว แจ้งว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงเรียบร้อย นายสรวุฒิ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมได้เชิญผู้สื่อข่าวออกจากห้องประชุมคณะอนุ กมธ.
ต่อมานายยุทธพงศ์ แถลงว่า ที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนคือวาระแห่งชาติ รัฐบาลบอกว่าจะฉีดวันละ 5 แสนโดส แต่ปรากฎทุกวันนี้ยังไม่เคยมีวันใดที่ประชาชนได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ ซึ่งที่ประชุมคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณฯ ได้ซักถามว่าตกลงได้จัดซื้อวัคซีนจำนวนและราคาเท่าใด แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยปลัดสาธารณสุขได้มาชี้แจงต่อ กมธ.วิสามัญ แต่ในภาพรวม เมื่อถามหาสัญญาในการซื้อขาย ปลัด สธ.กลับโยนไปให้อธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
จนกระทั่งเมื่อเช้าวันนี้ ที่ประชุมคณะ กมธ.ได้ทวงถามเอกสารจากนายวิเชียร ชวลิต รองประธาน กมธ. และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายวิเชียรไม่ยอมให้ โดยอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเอกสารดังกล่าวอยู่ในชั้นความลับ ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมควบคุมโรคที่มาชี้แจงต่อคณะอนุ กมธ. อยากถามว่าทำไมจึงจัดซื้อแต่วัคซีนซิโนแวค ทั้งที่เชื้อกลายพันธุ์ไปแล้ว ทางสำนักงบประมาณบอกว่าให้หายี่ห้ออื่น ทำไมไม่หา
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า อยากได้หนังสือการสั่งซื้อแอสตร้าฯ ว่ามีจำนวนเท่าไร ไม่ควรจะเป็นข้อมูลในชั้นความลับ เพราะถ้า กมธ.ไม่สามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณของแผ่นดินก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถ้าปล่อยให้ นพ.โอภาส บริหารอย่างนี้ คนจะติดโรคและตายเป็นพันคนต่อวัน ตนจะรอสัญญาการจัดซื้อ แม้จะเลยเคอร์ฟิวก็จะรอ และขอเรียกร้องไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ให้เปลี่ยนตัวอธิบดีกรมควบคุมโรค หากจะให้บริหารต่อไปเช่นนี้ไม่ได้ เพราะงบประมาณ 6.1 พันล้านบาท ไม่ใช่จำนวนน้อยและเป็นเงินกู้ด้วย
"คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ กำหนดให้จัดซื้อวัคซีนที่ป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ แต่ก็ยังคงซื้อวัคซีนซิโนแวค ซื้อมาก็เป็นปัญหาว่าจะนำไปทิ้งที่ไหน เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นไม่ยอมฉีดซิโนแวค นี่คือใบเสร็จที่ยืนยันว่าทำไมถึงมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน อย่างนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคต้องรับผิดชอบ" นายยุทธพงศ์ กล่าว