สหรัฐกำลังกำหนดบทลงโทษเพื่อคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง และกล่าวหาว่า อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในตะวันออกกลาง รวมถึงส่งออกขีปนาวุธ และกำลังพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ
บทลงโทษดังกล่าวมีขึ้นเพื่อคว่ำบาตรกระทรวงกลาโหม กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ และบริษัทต่างๆของอิหร่านอีกกว่า 20 แห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารและบริษัทเอกชนต่างๆ
ทรัพย์สินต่างๆที่เป็นของกลุ่มบริษัทดังกล่าวของอิหร่านที่อยู่ในสหรัฐจะต้องถูกยึดหรืออายัด และสั่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันเข้าไปทำธุรกิจกับอิหร่านตามกฎหมายของสหรัฐ
มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้ถือเป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ที่สหรัฐได้ตัดความสัมพันธ์ทางการฑูตกับอิหร่านเมื่อปี 2522 เมื่อครั้งที่ผู้ประท้วงชาวอิหร่านเข้ายึดสถานทูตสหรัฐในกรุงเตหะราน
ทั้งนี้ ดร.คอนโดลิสซ่า ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมแถลงข่าวที่กระทรวงต่างประเทศจากนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐ ได้ชี้แจงว่า มาตรคว่ำบาตรของสหรัฐครั้งใหม่นี้ "เป็นเหมือนนโยบายที่กว้างขวางขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้การคุกคามของอิหร่าน"
ข้อกล่าวหาและบทลงโทษคว่ำบาตตรดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ได้ออกมาเตือนว่า การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ได้ออกขัดขวางการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--