นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยถึงกรณีเกิดความขัดแย้งกับพรรคก้าวไกล (กก.) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ที่มีความเห็นไม่ตรงกันว่า ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองพรรคมีความขัดแย้งกัน เพียงแค่เห็นต่างกันเท่านั้น
โดยยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาการทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะมีเป้าหมายเดียวกันคือไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บริหารประเทศต่อไป ซึ่งได้มีการคุยกันตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ได้มีมติร่วมกันไปแล้วและจะยื่นญัตติร่วมกัน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าในระยะหลังว่าพรรคเพื่อไทย มีความเห็นสอดคล้องกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ว่าจะเป็น การพิจารณางบประมาณ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนที่ พปชร.จะผลักดันเรื่องนี้ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นอยากให้ฟังข้อสรุปจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยืนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างมั่นคง
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณของพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า ต้องให้เม็ดเงินแก่ปัญหาโควิดให้ประชาชน แต่หากยังแก้ไขวิกฤตโควิดไม่ได้ใน 2-3 เดือนข้างหน้า การอยู่ต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ คงเป็นเรื่องยาก จึงคิดว่าควรนำเม็ดเงินเข้าระบบไว้เพื่อรองรับใครก็ตามที่อาจได้เข้ามา จะได้มีงบประมาณสำหรับช่วยเหลือประชาชน หรือแม้ว่าจะไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปไม่ได้ ก็ต้องมีระบบควบคุมกำกับดูแลตรวจสอบการใช้เม็ดเงินก้อนนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นตามวัตถุประสงค์การแก้ไขปัญหาโควิดเท่านั้น
ส่วนความเป็นไปได้ที่ พท.จะจับมือกับ พปชร.หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่ซับซ้อน ถ้า พปชร.ยังอยู่ในระบอบประยุทธ์ต่อไป ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ พท.จะไปจับมือด้วย แต่ถ้าเขาปรับกลไกการบริหารมาทางประชาธิปไตยมากขึ้นไม่ยึดระบอบประยุทธ์ก็อาจจะคุยกันได้