ศาลแพ่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงาน มาตรการ วิธีการ และขั้นตอนในการปฏิบัติตามคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล ภายใน 15 วัน
ตามที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีระหว่างนายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ และพวกรวม 2 คน กับสตช. และพวกรวม 4 คน ให้จำเลยที่ 1 (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน และเมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนนั้น
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง มาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการประการใดบ้าง เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลดังกล่าว และเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรต่อไป เพื่อให้คำสั่งของศาลดังกล่าวมีสภาพบังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติหรือในประเด็นอื่นอันเกี่ยวข้องกับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ศาลมีคำสั่งหรือมาตรการใด ๆ ตามที่ศาลเห็นสมควร เพื่อบังคับตามคำสั่งศาลต่อไป โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่น ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว
บัดนี้ ศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้ว โดยโจทก์ทั้งสองบรรยายคำร้องโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่น ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว แต่กลับถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชนและสลายการชุมนมใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยางถูกสื่อมวลชนหลายราย โดยมิได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ ตามคำร้องโจทก์ทั้งสองมีความประสงค์ขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวนเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไร เพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าในชั้นนี้ กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยที่ 1 รายงานมาตรการ วิธีการ และขั้นตอนในการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง กรณีไม่จำเป็นต้องเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวน หมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทราบ