มวลชนกลุ่มทะลุฟ้า ได้ทยอยเดินทางมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท ก่อนที่จะตั้งขบวนคาร์ม็อบไปยังสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่แรก เพื่อยื่นหนังสือเกี่ยวกับการที่รัฐบาลละเมิดสนธิสัญญาเจนีวา จากนั้นจะไปยื่นหนังสือที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนที่ได้รับบริจาคไม่โปร่งใส
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ขบวนรถมวลชนกลุ่มทะลุฟ้าเริ่มออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นำหน้าโดยขบวนรถจักรยานยนต์ ใช้เส้นทางถนนเพชรบุรี-ราชประสงค์-ราชดำริ มุ่งหน้าสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ โดยได้บีบแตรไปตลอด และในระหว่างเส้นทางได้มีประชาชนออกมาร่วมชู 3 นิ้ว และโบกมือให้
เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายแรกแล้ว ทางแกนนำได้ยื่นหนังสือเกี่ยวกับการที่รัฐบาลละเมิดสนธิสัญญาเจนีวา ในการที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงในการปฎิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกินเหตุ
ขณะที่บริเวณหน้าสถานทูตสวิตฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้นำแผงเหล็กมาตั้งแนวหน้าสถานทูต และบริเวณฟุตบาธ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเข้ามายื่นหนังสือภายในสถานทูต
จากนั้น เวลาประมาณ 12.00 น. ได้เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากหน้าสถานทูตสวิตฯ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป คือ สถานทูตสหรัฐฯ ทางถนนชิดลม-หลังสวน-ถนนวิทยุ โดยระหว่างทาง แกนนำได้ปราศรัยเกี่ยวกับประเด็นวัคซีนบนรถโมบายพร้อมขบวนได้ส่งเสียงบีบแตรไปตลอดเส้นทาง เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดสรรวัคซีนที่ทางบุคลากรทางการแพทย์ยังไม่ได้รับ
โดยล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ออกมารับหนังสือของกลุ่มทะลุฟ้าแล้ว ซึ่งทางกลุ่มทะลุฟ้า ได้ย้ำจุดประสงค์เพื่อต้องการให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เข้ามาช่วยในการตรวจสอบกรณีที่ได้บริจาควัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสเพื่อให้แก่บุคลากรแพทย์ของไทยแล้ว แต่กลับพบว่ามีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ของสหรัฐฯ ที่ได้บริจาควัคซีนให้แก่ไทยในครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ แล้ว ทางแกนนำประกาศว่าจะหยุดพักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยื่นหนังสือต่อที่สถานทูตจีนฯ เพื่อขอให้ทางสถานทูตจีนฯ ช่วยคลายข้อสงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลไทยจึงยังต้องจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคจากจีนอยู่ ทั้งๆ ที่ในจีนเองก็ไม่ได้ยอมรับถึงประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว