พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า วันนี้มีการนัดชุมนุมของกลุ่มคาร์ม็อบนำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก ในเวลา 16.00 - 20.00 น.และกลุ่มทะลุแก๊ซบริเวณแยกดินแดง ซึ่งขอเตือนว่าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดฐานฝ่าฝืนตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ฉบับที่ 9 การชุมนุมเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้รับการยกเว้น และยังเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัย และการอำนวยการจราจรให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว
"เบื้องต้นต้องดูจากการข่าวและพฤติกรรม จะมีการรวมตัวกันที่บริษัทแยกอโศก ปักหลักอยู่ที่นั่น ไม่มีการเคลื่อนตัวไปที่ไหน ส่วนกลุ่มหัวรุนแรงน่าจะเป็นการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ ที่บริเวณแยกราชประสงค์ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันมะรืนจะเป็นแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมกับกลุ่ม REDEM ที่จะไปสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์แล้วเคลื่อนตัวมาสวนลุมฯ วันพรุ่งนี้กับวันมะรืนนี้ คงต้องจับตามองอีกที" พล.ต.ปิยะ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.64 มีจำนวน 170 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 645 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 375 คน ส่วนภาพรวมการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ บช.น.ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 ถึงปัจจุบันมีจำนวน 422 คดี ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 201 คดี และอยู่ระหว่างสอบสวน 221 คดี ขณะนี้ได้มีการออกหมายเรียกกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองแล้ว 164 หมาย และหมายเรียกผู้ปกครอง 17 หมายมาให้ถ้อยคำกรณีเด็กและเยาวชนมาร่วมชุมนุม ซึ่งหากพบมีการสนับสนุน หรือปล่อยปละละเลยให้ออกมาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ
"ผู้บัญชาการได้เร่งรัดผ่ายสืบสวนทุกวัน ซึ่งนำไปสู่การออกหมายจับ ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ถือปืน แต่ยังรวมถึงผู้ที่ก่อเหตุความเดือดร้อนให้ประชาชนอื่นๆ อีกหลายบท เช่น ผู้ที่วางเพลิงเผาทรัพย์ ที่อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่อื่นๆ ได้" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว