นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป) กล่าวภายหลังที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า ในฐานะเจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายทั้งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้ให้ความร่วมมือในการทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้จะแก้ยากแต่ก็สามารถแก้ได้ ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกัน
โดยเนื้อหาสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 เปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากบัตรใบเดียวเป็นบัตรสองใบ ประเด็นที่ 2 ปรับจำนวนผู้แทนราษฎรเป็นแบบเขตเลือกตั้ง 400 เขต หรือ 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และประเด็นที่ 3 คือการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งมีอยู่ 100 คนนั้น ก็ให้นับคะแนนบัตรใบที่สองที่ลงคะแนนเลือกพรรค แล้วนำมาเทียบสัดส่วนกับผู้แทนราษฎรทั้งหมดที่มีอยู่จำนวน 100 คน ถ้าพรรคการเมืองไหนได้คะแนนพรรค 100% ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนไปเลย แต่ถ้าพรรคไหนได้คะแนนพรรค 60% ก็จะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 60 คน เป็นต้น
ทั้งนี้ มั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะนำไปสู่ความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมือง และระบอบประชาธิปไตยในอนาคตมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น
สำหรับขั้นตอนต่อไปนับจากนี้จะต้องรอไว้ 15 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งระหว่าง 15 วันนี้ถ้ามีสมาชิกรัฐสภาสงสัยในเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการแก้ไขครั้งนี้ก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับตั้งแต่รับเรื่อง ถ้าทุกอย่างผ่านตามขั้นตอนกระบวนการจนกระทั่งทรงลงพระปรมาภิไธย และถือว่าผ่านกระบวนการเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญทุกประการแล้ว
ขั้นต่อไปก็จะต้องมีการยกร่างกฎหมายลูก หรือพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไข ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วยวิธีการสมัครรับเลือกตั้ง การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การนับคะแนน การประกาศผล รวมไปจนกระทั่งถึงการที่จะต้องกำหนดมาตรการที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อไปด้วย ซึ่งจะเป็นเนื้อหาหลักๆ สำหรับกฎหมายลูกที่จะต้องดำเนินการต่อไป
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องของกฎหมายลูกต่อไป และขณะเดียวกันก็จะมอบให้วิปของพรรคหารือร่วมกับวิปสามฝ่าย ทั้งในส่วนของวิปพรรคร่วมรัฐบาล วิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อที่จะร่วมมือร่วมใจกันในการขับเคลื่อน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง หรือกฎหมายลูกให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป