นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ "ขับรถยนต์ชนรถถัง" ในวันที่ 19 ก.ย.64 ว่า วันดังกล่าวจะนัดรวมตัวขบวนรถจักรยานยน์ รถยนต์ รถแท้กซี่ ที่บริเวณแยกอโศกในเวลา 14.00 น.และเริ่มเคลื่อนขบวนในเวลา 15.00 น. ซึ่งจะมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ขับรถยนต์ชนรถถัง โดยใช้เส้นทางถนนพระราม 4 ไปทางสวนลุมพินี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรเหนือ เลี้ยวซ้ายแยกรัชดา-นราธิวาสฯ มุ่งหน้าไปสะพานกรุงเทพ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งธนบุรีตามถนนจรัลสนิทวงศ์ แล้วเลี้ยวขวาข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า จุดหมายอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งจะมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่าประชาธิปไตยในประเทศนี้ถูกคลุมถุงดำมาแล้ว 15 ปี คาดว่ากิจกรรมจะเสร็จสิ้นในเวลา 18.00 น. ซึ่งตนเองได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว จะไม่มีการเคลื่อนขบวนออกไปนอกเหนือจากเส้นทางดังกล่าว หรือการทำกิจกรรมนอกเหนือจากที่ประกาศไว้
"รถทุกคันที่เข้าร่วมขบวน เมื่อมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็ยุติกิจกรรม แยกย้ายกันกลับด้วยความสงบเรียบร้อย ผมมั่นใจว่าการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบในวันที่ 19 กันยายนนี้จะได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ทั้งที่เข้าร่วมขบวน และที่อยู่ทั้งสองข้างทาง มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งหรือความรุนแรงใดๆ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
อดีตแกนนำ นปช.กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวหลีกเลี่ยงจุดเปราะบางที่จะเป็นเงื่อนไขในการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้มีผู้ชุมนุมตอบรับที่จะมาร่วมกิจกรรมหลายกลุ่มแล้ว และขอยืนยันว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับรัฐบาลและขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ไม่ได้ประกาศที่จะเป็นศัตรูกับรัฐไทย หรือการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงหวังว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ ส่วนจะมีการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบหรือกิจกรรมรูปแบบอื่นอย่างไรจะแจ้งอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมในวันที่ 19 ก.ย.64 แล้ว
"ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนจะไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง ความรุนแรง เกิดการปะทะ หรือเกิดความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่มีการยกขบวนไปปิดล้อม ไม่มีการบุกไปกดดันบุคคลหรือปิดสถานที่ของรัฐ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมผ่านเวทีออนไลน์จะมีวิทยากรที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาร่วมเสวนา เช่น นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ ตัวแทนนักวิชาการ ตัวแทนคนหนุ่มสาว
การแสดงออกดังกล่าวได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งเชื่อว่าสังคมมองเห็น แต่หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นการขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ ก็ให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ตนเองพร้อมที่จะต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมายและไม่หลบหนี แต่ขออย่ากลั่นแกล้ง ซึ่งจะเป็นการก่อชนวนความขัดแย้ง โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมและข้อเท็จจริง
ส่วนเหตุบริเวณแยกดินแดงนั้นตนเองมีความเป็นห่วงว่าจะมีการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม เพราะการบาดเจ็บของผู้ชุมนุมไม่ใช่ทางออก การควบคุมฝูงชนไม่ใช่การเลือกใช้อุปกรณ์สลายการชุมนุม ควรมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เป็นต้นตอของปัญหาซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น มีแต่การข่มขู่ การกดดัน ส่วนผู้ชุมนุมขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย และอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคดีที่เด็กอายุ 15 ปีถูกยิงใกล้ สน.ดินแดง ซึ่งขณะนี้ยังมีอาการสาหัสและคดียังไม่มีความคืบหน้า
อดีตแกนนำ นปช.กล่าวว่า ปัญหาการต่อสู้ครั้งนี้คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้ไม่กดดันตัวเองที่จะนัดชุมนุมขับไล่ทุกวันเพื่อให้รัฐบาลออกไปโดยเร็วที่สุด โดยจะเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย