นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และกรรมาธิการ (กมธ.) ตรวจสอบการใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท กล่าวว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ทั้งช้า ทั้งชุ่ย โดยที่ช้าเพราะการระบาดหนักทั้งระลอก 3 และ 4 เจอการล็อกดาวน์ที่เข้มข้น เจอเคอร์ฟิว เจอธุรกิจล้มละลาย แต่การใช้เงินกู้ดังกล่าวเพื่อประคองเศรษฐกิจกลับเหมือนอยู่คนละโลก เชื่องช้า อืดอาด เสมือนใช้จ่ายงบประมาณปกติ เม็ดเงินที่ลงสู่ระบบนั้นน้อยนิด ใน 5 แสนล้านนั้นมีเพียง 5 หมื่นกว่าล้านที่ลงสู่ระบบ หรือ 10% เท่านั้น เศรษฐกิจที่เสียหายจากการล็อกดาวน์เข้มข้นเดือนละ 1.5-2.5 แสนล้านบาท ถูกชดเชยด้วยเงินอัดฉีดเข้าระบบจากเงินกู้ก้อนนี้เฉลี่ยเพียงเดือน 1 หมื่นล้านบาท เมื่อเงินที่อัดฉีดเข้าระบบน้อยกว่าเงินที่หายไปถึง 15 เท่า แบบนี้เศรษฐกิจเดินต่อไม่ได้
ขณะที่ด้านสาธารณสุข วงเงิน 30,000 ล้านบาท เบิกจ่ายเพียง 1,828 ล้านบาท (หรือ 6%) แต่ประเทศมีความต้องการวัคซีนเร่งด่วน ต้องเร่งฟื้นฟูระบบสาธารณสุขทันที แต่งบปรับปรุงสถานพยาบาลกลับอนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0% และด้านการฟื้นฟูประเทศวงเงิน 170,000 ล้านบาทนั้น อนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0% เช่นกัน ไม่มี ไม่ทำ ไม่สร้าง โครงการรักษาระดับการจ้างงาน หรือมาตรการคงการจ้างงาน มีแต่ชื่อโครงการ ถึงวันนี้อนุมัติ 0% เบิกจ่าย 0% ต้องรอให้คนตกงานทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วค่อยมาตามแก้อย่างนั้นหรือ การกระตุ้นการลงทุนยังไม่มีการใช้จ่ายเช่นกัน ท้ายสุดจะไปจบที่ เราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ คนละครึ่ง โครงการชื่อสวย แต่ไร้ประโยชน์เช่นเคย
ส่วนที่ว่าชุ่ย เพราะในแผนงานเงินกู้ 5 แสนล้านบาทนั้น ทุกโครงการเป็นโครงการจ่ายทิ้ง ใช้แล้วหมดไป ไม่มีเงินฟื้นฟูที่เอาไปสร้างอนาคตประเทศ ไม่มีการสร้างโครงสร้างการพัฒนาให้กับประเทศเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีการจัดสรรงบในส่วนนี้ และแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคนถูกละทิ้งจากเงินกู้ 5 แสนล้านนี้ พ่อค้าแม่ค้าในตลาด หาบเร่แผงลอย อาชีพกลางคืนที่ถูกเคอร์ฟิว เหล่านี้ถูกมองข้าม ไม่มีโครงการเยียวยากลุ่มนี้
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ส่วนการขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% ขยายความล้มเหลวซ้ำซาก พท.เข้าใจดีถึงความจำเป็นต้องใช้เงินประคองเศรษฐกิจ แต่ต้องเข้าใจเช่นกันว่าความจำเป็นของการต้องใช้เงินเพิ่มนี้ ทั้งหมดเกิดจากความล้มเหลวของการใช้เงินกู้ 2 ก้อนที่ผ่านมา หากใช้ให้ดี เงินกู้ 2 ก้อนนั้นมีขนาดที่เหลือเฟือ เราจะไม่เดินมาสู่จุดนี้ ความล้มเหลวของเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามด้วย 5 แสนล้านบาท และวันนี้เปิดช่องให้รัฐบาลกู้เพิ่มได้อีก 1.2 ล้านล้านบาท ไม่น่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
"ตลอด 7 ปีที่ผ่าน รัฐบาลสร้างหนี้ ไม่สร้างรายได้ หนี้โตเร็วกว่ารายได้ประเทศถึงกว่า 2 เท่าต่อปีโดยเฉลี่ย การขยายเพดานครั้งนี้ เป็นการเปิดช่องให้สร้างหนี้ที่ไม่สร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด" นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ความอันตรายไม่ได้อยู่ที่ความมั่นคงทางการคลัง แต่กลับอยู่ที่เรากำลังพึงพอใจกับค่านิยมล้มเหลวซ้ำซาก เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรากำลังสนับสนุนการกู้ไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย กู้แล้วเจ๊ง ก็กู้ใหม่ กู้อย่างไม่มีขอบเขต เป็นวังวนการสร้างหนี้ ไม่ใช่ของฟรี เป็นของที่มีราคา หนี้ที่สร้างมาจึงต้องสร้างรายได้ เมื่อหนี้ไม่สร้างรายได้ ระยะต่อไปจะได้เห็นการหารายได้ของรัฐบาลผ่านการขึ้นภาษีต่างๆ ซึ่งยิ่งทำร้ายเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก และถ้าทำไม่ได้ ท้ายสุดจึงลงเอยด้วยการกู้หนี้มาโป๊ะหนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.กล่าวว่า การขอเพิ่มเพดานเงินกู้ของประเทศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีถือเป็นการลักหลับประชาชนทั้งประเทศอย่างน่าสงสัย กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.กำหนดเป็นเรื่องลับ ซึ่งเรื่องสำคัญระดับนี้ เกี่ยวกับคนไทยทุกคนและประเทศไทย ไม่เคยเพิ่มเพดานเงินกู้มากกว่า 60% มาตั้งแต่ปี 2542 โดยเฉพาะหลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้าแก้ไขสถานการณ์จนทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ระดับโลกในช่วงนั้น ตนเคยอภิปรายในสภาไว้ว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นรัฐบาลประวัติศาสตร์ที่จะขยายเพดานเงินกู้หนี้สาธารณะของประเทศจาก 60% เป็น 70% แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนควรรู้และต้องติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น
นายจิรายุ กล่าวว่า ฉายานักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาคงไม่เพียงพอสำหรับผู้นำของไทย วันนี้คงอัพเกรดมาแตะระดับนักกู้แห่งมหาเอเชียบูรพาแล้ว และขอเรียกร้องพวกลิ่วล้อ ไอ้ห้อยไอ้โหน ที่เคยออกมาด่าตนและยืนยันว่าไม่มีทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะขยายเพดานเงินกู้สาธารณะของประเทศจาก 60% เป็น 70% ช่วยออกมารับแสงชี้แจงด้วย
"ขอให้พี่น้องประชาชนเขียนแปะข้างฝาไว้ได้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ก็จะกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาท วันนี้รัฐบาลบักโกรก ไส้แห้ง ถังแตก ตูดขาดเป็นที่เรียบร้อย ทำนโยบายหลายปีมานี้ แจกอย่างเดียว หาเงินไม่เป็น และขอเตือนว่าอย่าลืมจดติดข้างฝาบ้านไว้ด้วยว่า คนไทยทั้งประเทศจะร่วมกันเป็นหนี้โดยลุง ที่จะต้องใช้หนี้มากกว่า 150 ปี ที่สำคัญนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำนโยบายออกมาที่จะรองรับกับสถานการณ์ของประเทศใดๆ ได้เลย จึงขอเตือนให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือกับสึนามิทางเศรษฐกิจระลอกใหญ่ นับตั้งแต่มีประเทศไทยมาด้วยฝีมือของผู้นำประเทศที่กู้หนักมากมาตลอด 7 ปีมานี้ รวมกันมากกว่านายกฯ 28 คนรวมกัน และจะมีหนี้สำหรับลุงคนเดียว ถึงกว่า 10 ล้านๆ บาทเลยทีเดียว" นายจิรายุ กล่าว