รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคได้มีมติเลือก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แทนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ โดยไม่มีคู่แข่งด้วยคะแนน 337 คะแนน
ทั้งนี้ การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ของพรรคเพื่อไทย ช่วงบ่ายมีวาระสำคัญคือเรื่องปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค หลังจากที่นายสมพงษ์ ลาออกจากตำแหน่ง หวังเปิดทางคนรุ่นใหม่เข้ามาขับเคลื่อนพรรคต่อโดยผลการลงคะแนน สมาชิกให้ความไว้วางใจ นพ.ชลน่าน เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, นายสุทิน คลังแสง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายสรวงศ์ เทียนทอง โดยมีการปรับเปลี่ยน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายพิชัย นริพทะพันธ์ ออกจากตำแหน่ง ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ยังคงนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคตามเดิม ส่วนนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ นั่งตำแหน่งโฆษกพรรคแทน นางสาวอรุณี กาสยานนท์ ที่ปรับเปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคแทน นอกจากนี้ยังมีการปรับตำแหน่งเหรัญญิกพรรค เป็น นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย
นพ.ชลน่าน กล่าวก่อนการประชุมในช่วบ่ายว่า การปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการเลือกตั้งอย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยจึงต้องปรับปรุงตัวตาม ตอนนี้เราต้องเอาพลังคนรุ่นใหม่เข้ามาเพื่อสร้างพลังแห่งอนาคต โดยการปรับโครงสร้างจะมีทั้งเรื่องของแบรนด์ และภาพลักษณ์
การทำงานจะต้องนำไปสู่การรีแบรนด์ของพรรค โดยจะเชื่อมโยงกับพรรคไทยรักไทยเดิมทั้งในเรื่องของภาพลักษณ์ ตัวผู้ก่อตั้งพรรค ที่เป็นอดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรค จนมาสู่พรรคเพื่อไทยในปัจจุบันเพื่อนำไปสู่อนาคต โดยจะนำประสบการณ์ที่ดีมาพัฒนา และประสบการณ์ที่ล้มเหลวมาเป็นบทเรียนในการพัฒนา โดยจะเห็นได้ว่าเราปรับเปลี่ยนทั้งสี รูปแบบตัวหนังสือในการสื่อสารเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคตตามความมุ่งมั่น
"ที่ผ่านมาสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะเผด็จการซ่อนรูป ประชาชนถูกกดพลังสมองก็ด้วยโครงสร้างทางรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ต้องเข้ามาระเบิดพลังสมองของคนรุ่นใหม่เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป เราต้องทำให้พลังความคิดของคนรุ่นใหม่ให้เป็นพลังเพื่ออนาคตและให้มีสิทธิเสรีภาพ"นพ.ชลน่าน กล่าว