นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด สัญชาติออสเตรเลีย เจ้าของเหมืองอัครา ขอเลื่อนการแถลงคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้กฎหมายมาตรา 44 ที่ 72/2559 ระงับการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี จากเดิมที่จะมีการอ่านคำชี้ขาดกรณีพิพาทระหว่างเอกชนกับราชอาณาจักรไทยในวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทแจ้งว่าจะมีการอ่านคำชี้ขาดกรณีดังกล่าวในวันที่ 31 ม.ค.65 ระหว่างนี้กำลังเตรียมการเปิดเหมืองทองคำชาตรีบริเวณรอยต่อของ จ.พิจิตร, จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์
"การเลื่อนกำหนดการอ่านคำชี้ขาดออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค.65 เป็นที่น่าสังเกตุว่ามีการเลื่อนหลายครั้งมาก เหมือนการเจรจาระหว่างคู่กรณียังไม่ได้ข้อยุติ ทั้งๆ ที่การเจรจาระหว่าง คิงส์เกตฯ กับรัฐบาลไทย เป็นการเจรจาแบบปิดบังปิดลับสุดยอด ปิดบังการรับรู้ของประชาชน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังมีการเจรจาแลกเปลี่ยนอะไรที่ไม่อยากให้ประชาชนรับทราบใช่หรือไม่" นพ.ชลน่าน กล่าว
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่คณะทำงานได้มีการเจรจาขอเลื่อนการอ่านคำชี้ขาดออกไปก่อน เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล หากมีการอ่านในช่วงนี้อาจจะส่งผลกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลได้ นอกจากนี้ในส่วนของการพูดคุยเจรจา ถ้านอกเหนือจากกรณีพิพาท คือการใช้ประกาศหรือคำสั่งที่มิชอบทางกฎหมายไปปิดเหมืองเอกชนเป็นการเลือกปฎิบัติ การเจรจาต้องอยู่ในประเด็นนี้เท่านั้น รวมทั้งหากต้องชดใช้ค่าเสียหายก็ต้องมาจากสาเหตุของข้อพิพาทเท่านั้นไม่ควรใช้เหตุผลอื่น
ส่วนล่าสุดทางบริษัท คิงส์เกตฯ ได้เปิดเหมืองทองอัคราใหม่อีกครั้ง หลังจากหยุดการดำเนินกิจการมายาวนาน ทั้งๆ ที่คำชี้ขาดยังไม่เป็นข้อยุติ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลไม่ควรที่จะนำสมบัติและผลประโยชน์ของชาติไปชดเชยความผิดพลาดของตนเอง เพราะสุดท้ายที่เสียหายคือประเทศชาติ และ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมายอมรับว่าได้กระทำผิดจริงที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบ ไปปิดกิจการของภาคเอกชน พรรคเพื่อไทยจะติดตามข้อพิพาทคดีเหมืองทองอย่างใกล้ชิด