นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานวิปรัฐบาล เพื่อยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ใช้ในการเลือกตั้งว่า ล่าสุดมีความเห็นที่เป็นข้อยุติร่วมกันแล้ว คือ
1.ประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะกำหนดวิธีคิดคำนวณที่มีหลักการว่า ให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าคะแนนหารเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน มีสิทธิได้ ส.ส.กรณีที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน โดยให้ใช้คะแนนของพรรค เรียงลำดับตามสัดส่วนคะแนนที่ได้รับ เพราะเศษคะแนนของพรรคที่ได้ไม่ถึงคะแนนเฉลี่ย เมื่อรวมคะแนนที่ประชาชนเลือกควรได้ ส.ส.ด้วย
2. สิทธิที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ส่ง ส.ส.เขตแล้ว ทั้งนี้ ไม่ได้กำหนดจำนวนเขตที่ให้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ไว้ ดังนั้นจึงหมายความว่า ส่ง ส.ส. 1 เขต สามารถส่งส.ส.บัญชีรายชื่อได้
3. การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. จะยังคงใช้หลักการการคัดสรรเบื้องต้น แต่ได้ปรับเกณฑ์การสรรหาโดยให้สิทธิตัวแทนประจำจังหวัด จำนวน 150 คน จากเดิมที่กำหนดให้ใช้ตัวแทนจากเขตเลือกตั้ง เขตละ 100 คน หรือใช้สาขาพรรคที่กำหนดจำนวน 500 คน
4. การกำหนดให้สมาชิกต้องชำระค่าธรรมเนียม จากกฎหมายเดิมกำหนดให้ชำระแบบรายปี ๆละ ไม่ต่ำกว่า 50 บาท หรือตลอดชีพ 1,000 บาท โดยจะปรับให้เป็น 200 บาทตลอดชีพ
5. ข้อกำหนดให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกพรรค เพื่อดำรงสถานะความเป็นพรรคการเมือง ที่กำหนดให้ภายใน 5 ปีต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้ 30,000 คน เปลี่ยนเป็นภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิก 2,000 คน และภายใน 3 ปี มีสมาชิก 5,000 คน
"จากการหารือของคณะทำงาน ขณะนี้ให้ฝ่ายเลขาคณะทำงานยกร่างเนื้อหาแล้ว และในการประชุมสัปดาห์หน้า จะนำเนื้อหาเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นในสัปดาห์ถัดไป จะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารืออีกครั้ง และคาดว่าจะเสนอร่างแก้ไขต่อรัฐสภาได้ช่วงเดือนมกราคมปี 65" นายโกวิทย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่คณะทำงานเห็นไม่ตรงกัน และต้องถกในรายละเอียดอีกครั้ง คือ ประเด็นว่าด้วยการกำหนดหมายเลขผู้สมัคร ส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้แยกหมายเลข ระหว่าง ส.ส.เขต และแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคอื่นเห็นด้วยให้ใช้เบอร์เดียวกัน ทั้งผู้สมัครแบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ
อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่เห็นต่าง หากไม่ได้ข้อสรุปได้ตกลงว่าจะให้แต่ละพรรคใช้กลไกของกรรมาธิการ และการแปรญัตติพิจารณา