นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) ชี้แจงข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา ภายหลังรองโฆษกรัฐบาลได้หยิบประเด็นนี้มาโจมตี โดยนายจักรพงษ์ มองว่าโครงการประกันรายได้ให้ชาวนาที่รัฐบาลนำมาใช้ ตามการผลักดันของพรรคร่วมรัฐบาลที่หาเสียงไว้ กำลังทำลายความมั่นคงทางการคลัง เพราะไม่สามารถช่วยชาวนาให้มีรายได้มากขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้ ทั้งนี้ ต้องการให้สังคมรับรู้ใน 4 ข้อเท็จจริง ได้แก่
1.เรื่องตัวเลขขาดทุนทางบัญชีที่กล่าวอ้างนั้น เป็นการอ้างถึงยอดรวม 5 ฤดูกาลผลิตตลอดอายุของรัฐบาล ไม่ใช่ปีงบประมาณเดียว แบบโครงการประกันรายได้ ปี 2564/65 งวดที่ 1 ที่มียอดเงินชดเชยราคา และโครงการประกันที่มียอดรวมสูงกว่า 1 .5 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยใช้จำนวนฤดูกาลเพาะปลูกที่เท่ากัน จะเห็นชัดเจนว่าโครงการประกันราคาใช้เงินมากกว่า โดยไม่ได้อะไรเลย
2.การแถลงโจมตีเรื่องการขาดทุนทางบัญชีว่าเป็นผลมาจากการบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะข้าวในโครงการรับจำนำ กำลังรอการขายในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำการรัฐประหาร และรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจสั่งให้มีการระบายข้าว โดยนำข้าวคุณภาพดีไปจัดเกรดเป็นข้าวคุณภาพต่ำ และขายออกในราคาต่ำและมีข้อกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ทุจริต เป็นคดีความจำนวนมากในชั้นศาล โดยที่รัฐบาลชุดก่อนตกเป็นจำเลย เพราะทำให้ขายข้าวสารได้ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ผลขาดทุนทางบัญชีสูงกว่าที่ควรเป็น โยนความผิด และให้ร้ายป้ายสีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างสนับสนุนการโจมตีของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่หนุนให้เกิดการรัฐประหาร ส่วนโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล และพรรคร่วมดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นโครงการที่ไม่มีรายได้เลยสักบาทเดียว หากนำมาแสดงผลขาดทุนทางบัญชี จะเห็นว่าโครงการประกันราคาขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น
3.ประเด็นเรื่องหนี้คงค้างของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ที่อ้างว่ายังเหลือกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น เป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลหนึ่งๆ จะรับช่วงดูแลภาระหนี้โครงการชดเชยแก่เกษตรกรที่คงค้างมาจากรัฐบาลก่อน เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีหนี้เงินชดเชยสินค้าเกษตรค้างอยู่มากกว่าแสนล้านบาท ซึ่งรวมถึงหนี้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2552 และโครงการประกันรายได้ ปี 2552- 2554 ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เห็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกล่าวโทษรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งยังเร่งดูแลชำระคืนในปีงบประมาณ 2555 และ2556 เป็นจำนวนเงินงบประมาณที่มากกว่าที่ใช้ในโครงการของรัฐบาลของตนเองเสียอีก ยอดรวม 3 ปีงบประมาณก็สูงเกือบแสนล้านบาท
4.เรื่องข้าวค้างสต็อก 2 แสนตันนั้น เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะมีปัญหาเก็บรักษาไม่ดีจนเสื่อมสภาพ หรือไม่ขายออกทั้งๆ ที่ควรขายออกไปก็เป็นความผิดของรัฐบาลเอง จะมาโทษรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารไปเมื่อกว่า 7 ปีมาแล้วคงไม่ถูกต้อง