คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)มีมติเห็นชอบให้แจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการปกปิดข้อมูลบัญชีทรัพย์สิน และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) โดยจะจัดทำเอกสารเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาภายใน 2 สัปดาห์ก่อนเปิดโอกาสให้ชี้แจง เพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอัยการดำเนินการส่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป
พร้อมกันนั้น ยังแนะนำให้หน่วยงานที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย รวมทั้งเพิกถอนและบังคับสัญญา โดยอาศัยหลักฐานและเอกสารต่าง ๆ ที่คตส.ได้รวบรวมไว้แล้ว
นายแก้วสรร อติโพธิ หนึ่งในคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแผ่นดินโดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น SHIN แบ่งเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก คือ การกล่าวโทษพ.ต.ท.ทักษิณ ซุกหุ้นภาค 2 ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มาตรา 100(3)
ส่วนที่ 2 เป็นการ ยึดทรัพย์เงินที่ได้จากการซื้อขายหุ้น SHIN และเงินปันผล เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิสมควร เพราะสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ และ ส่วนที่ 3 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 157
นายแก้วสรร กล่าวว่า คดีในส่วนที่ 3 ที่สามารถเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกอบไปด้วย การใช้อำนาจหน้าที่แปลงค่าสัมปทานของบริษัทในเครือ SHIN เป็นภาษีสรรสามิต ซึ่งทำให้ บมจ.กสท โทรคมนาคม และ บมจ. ทีโอที เสียหายกว่า 4 หมื่นล้านบาท มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี และคดีที่ให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่าเพื่อเอื้อกับธุรกิจในเครือ SHIN มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
ขณะที่ การใช้อำนาจทำให้มีการปรับลดส่วนแบ่งรายได้บริการโทรศัพท์แบบเติมเงินที่ทำให้ ทีโอที เสียหายกว่า 7 หมื่นล้านบาทตลอดอายุสัมปทาน และ ทีโอที ต้องรับภาระค่าโรมมิ่ง 25% สร้างความเสียหายกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท รวมทังการเอื้อประโยชน์ให้กับดาวเทียมไอพีสตาร์ ทั้ง 3 ส่วนเป็นคดีที่ไม่มีหลักฐานเอาผิดที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น
นายแก้วสรร กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ภายใน 2 สัปดาห์ คตส.จะทำเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้เกี่ยวข้องทราบ เพื่อให้เข้ามาแก้ข้อกล่าาหาภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ หลังจากนั้นจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอัยการส่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนั้น ในระหว่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเพิกถอนหรือบังคับสัญญา รวมทั้งเรียกค่าเสียหายกับบริษัทคู่สัญญาในเครือ SHIN อย่างกรณีของ ทีโอที และ กสท.สามารถเพิกถอนสัญญาได้ ขณที่กระทรวงการคลังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เช่นกัน โดยสามารถนำหลักฐานที่คตส.รวบรวมไว้ไปใช้ได้
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า สำหรับคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยพบการทุจิต 2 ระดับ คือ ระดับโควต้า เป็นเรื่องของการให้ผู้รับเหมาติดสินบน ปัจจุบันพบว่ามีการจ่ายสินบนประมาณ 700 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ค่าสินบนประมาณ 8 พันบาทต่อหน่วย ราว 4 แสนหน่วย
และ ส่วนที่สองคือการทุจริตขายที่ดินให้กับการเคหะแห่งชาติ(กคช.) เรียกว่าทุจริตโครงการที่มีการกล่าวหาไปแล้ว 1 คดี และภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีการยุติอีก 4 คดี ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
"คดีทุกอย่างจะจบภายใน พ.ย.หรือ ธ.ค. ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่เป็นการปฎิบัติหน้าที่ของคตส.ตามแผนที่กำหนดไว้แล้ว เพราะบางคดีมีความเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของผู้เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้โอกาสต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม"นายแก้วสรร กล่าว
รายงานข่าวจาก คตส.เปิดเผยอีกว่า ในวันนี้นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ได้ส่งทนายความขอเลื่อนการชี้แจงคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์หลังจากที่เลยระยะเวลาที่คตส.กำหนด โดยนายพานทองแท้ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 8 และ 12 ม.ค. 51 เนื่องจากเอกสารไม่พร้อม ส่วนนายพิณทองทา เลื่อนไปเป็นวันที่ 5, 12 และ 19 ก.พ.51
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--