พรรคชาติไทยปรับโฉมใหม่เข้าถึงเป้าหมาย คาดได้ ส.ส.เพิ่มเป็น 50 ที่นั่ง

          นายวราวุธ ศิลปอาชา กรรมการบริหารพรรคชาติไทย คาดใช้กลยุทธใหม่ปรับภาพพจน์พรรคล้างภาพพรรคบ้านนอกให้เป็นพรรคการเมืองยุคใหม่ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายจะส่งผลให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วนได้รับเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 50 ที่นั่ง จากก่อนหน้านี้คาดว่าจะสอบผ่านประมาณ 30-40 ที่นั่ง
          "เราจะมีแผนงานที่ชัดเจนทำได้จริง ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้แม้ว่านโยบายที่พรรคการเมืองต่างๆ ใช้หาเสียงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหวังว่าจะโดนใจกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ปักใจเลือกพรรคหนึ่งพรรคใด...อย่างน้อยเราน่าจะได้ 50 เสียง เพิ่มจากตอนแรก 30-40 เสียง เฉพาะภาคกลางก็ราว 20 เสียง แค่ที่สุพรรณบุรีก็ได้ 5 คนแล้ว" นายวราวุธ กล่าว
          นายวราวุธ กล่าวว่า การปรับภาพพจน์ของพรรคชาติไทยในครั้งนี้เพื่อล้างภาพเดิมของการเป็นพรรคบ้านนอก แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนอุดมการณ์ เพียงแต่ปรับให้เหมาะกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับ ต้องยอมรับว่าพรรคมีงบประมาณไม่มากจึงต้องเจาะให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดเพื่อให้ผู้ที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมืองหันมาให้ความสนใจการเมืองอีกครั้ง
          "ยอมรับว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่เป็นเหล้าคุณภาพดี ซึ่งจากการวิจัย 70% มองภาพของพรรคชาติไทยเป็นบวก...ที่ผ่านมา เราเอาการตลาดตามหลังมากเกินไป จนตามพรรคอื่นไม่ทัน" นายวราวุธ กล่าว
          สำหรับโฆษณาพรรคที่จัดทำขึ้นนี้ ได้ใช้กลยุทธ์ Music Marketing เพื่อให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ที่พบเห็น ส่วนโฆษณาอื่นๆ จะปรับเปลี่ยนในเรื่องของรูปลักษณ์ และสีสันจากเดิมเพื่อให้เกิดความทันสมัยมากขึ้นและเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศมากขึ้น โดยแนวทางการทำประชาสัมพันธ์ครั้งนี้มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนได้จดจำพรรคชาติไทย โดยยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการทำเฉพาะกิจ แต่หวังผลในระยะยาวเพื่อให้ประชาชนได้รู้จักและจดจำพรรคชาติไทยในภาพพจน์ใหม่
          "ถึงแม้พรรคจะมีนโยบายดีเพียงใด หากการทำประชาสัมพันธ์ไม่ดีก็จะมีผลอย่างมากต่อพรรค การปรับภาพพจน์ครั้งนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้รวมศูนย์อยู่ที่หัวหน้าพรรค ไม่ใช่ต้องฟังหลงจู๊คนเดียว" นายวราวุธ ระบุ
          นายวราวุธ กล่าวว่า นอกเหนือจากการปรับภาพลักษณ์การโฆษณาต่างๆ แล้ว การให้ข่าวของผู้บริหารพรรคจะปรับเปลี่ยนไป โดยมุ่งจะยึดพื้นที่สื่อให้ได้ ทุกครั้งที่แถลงข่าวจะเน้นเนื้อหาสาระที่สื่อจะนำไปเผยแพร่ต่อได้อย่างแท้จริง เช่น หลังจากเปิดตัวผู้รับสมัครเรียบร้อยแล้ว จะเชิญสื่อเพื่อสัมภาษณ์เจาะลึกกับผู้บริหารพรรคที่ดูแลนโยบายด้านนั้นๆ โดยตรง เป็นต้น