นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ภายในเดือนนี้ (ม.ค.) จะเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศแนวทางและผู้เข้าร่วม โดยขณะนี้คณะผู้ก่อตั้งพรรคกำลังดำเนินการในการจดแจ้ง จัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่ของสังคม ขอให้รอคณะผู้จัดตั้งพรรคดำเนินการ แต่ตนเองและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงานเป็นเพียงผู้มีส่วนร่วมเท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของ
"เรากำลังทำพรรคการเมืองใหม่กับผู้ร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนอย่างแน่นอน ส่วนจะมีใครบ้าง-พรรคชื่ออะไร-ใครเป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ต้องรอคณะผู้ก่อตั้งพรรคตกลงกันก่อนครับ"นายอุตตม ระบุ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า กลุ่ม 4 กุมารที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นแกนนำ เตรียมจะแถลงถึงแนวคิดการจัดตั้งพรรรคสร้างอนาคตไทย เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ได้แจ้งขอเลื่อนกำหนดออกไป
นายอุตตม เปิดเผยว่า เดิมทีได้เตรียมนัดสื่อมวลชนเพื่อเล่าถึงความคืบหน้าในการดำเนินการในช่วงสัปดาห์แรกของปี 65 แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน ซึ่งกำลังเป็นที่กังวลและรัฐบาลได้ขอความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงสองสัปดาห์แรกของปี จึงเห็นว่าควรให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐ จึงขอสื่อสารเจตนารมณ์ ผ่านช่องทางออนไลน์จะเป็นการเหมาะสมกว่า
สำหรับพรรคการเมืองใหม่นี้จะมีผู้เข้าร่วมมากมายทั้งผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ-ภาคประชาชน-นักวิชาการ -อดีตผู้แทนราษฎร รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน เพราะทุกคนเหล่านี้เห็นร่วมกันว่าวันนี้การเมืองในสภาพปัจจุบัน มิใช่การเมืองเพื่ออนาคตประเทศ แต่เราจะต้องมาสร้างอนาคตประเทศไทยในวันนี้ เพื่อส่งต่อให้คนทุกรุ่นทุกวัย อยู่ร่วมกันอย่างมีอนาคต
โดยหลังจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ทุกตำแหน่ง เมื่อ ราว 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจระดับชาติและที่ระดับฐานราก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ถลำลึก เรื่องความยุติธรรมที่เป็นปมปัญหาและไม่เสมอภาคของประเทศ ที่ทำให้ประเทศ ทำให้คนไทยเสียโอกาส ด้วยความห่วงใยมาโดยตลอด
"ระยะเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา พวกผมได้มีโอกาสรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากแวดวง และได้พบปะพี่น้องประชาชนในหลายกลุ่ม หลายจังหวัด ที่ต่างส่งเสียงสะท้อนปัญหาว่ากำลังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศ และไม่เห็นผู้คนในโครงสร้างของวันข้างหน้า มีข้อเสนอมากมายที่ให้พวกเราเข้าร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองที่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของไทย จากการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มคนที่ต้องการหาทางออกของประเทศ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่า เราควรร่วมกับผู้มีจิตสาธารณะฟื้นฟูประเทศ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยการรวบรวมผู้คนเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทุกรุ่นทุกวัย มีส่วนร่วมผสานรอยต่อในการสร้างอนาคตของประเทศร่วมกัน"