นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารพรรค รับหนังสือจากคณะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี นำโดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเชิญชวนพรรคเพื่อไทยให้ร่วมกันรณรงค์ในประเด็นดังกล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคฯ ยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยจะสนับสนุนในทุกมิติ ทั้งการพิจารณาในวาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด 132 ที่นั่งจะเข้าชื่อกันเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ไปพร้อมกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน
โดยพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์และเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และได้มีการประกาศไว้ตั้งแต่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งแล้วว่าจะมีการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 272 ซึ่งไม่เห็นด้วยตั้งแรกที่จะมีบทเฉพาะกาลมาตรานี้ แต่ฝ่ายที่ต้องการให้มีบทเฉพาะกาลมาตรานี้อ้างคำถามพ่วงที่ไปขอความเห็นประชาชนในการทำประชามติแล้วไปอ้างการปฏิรูปประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง เพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เอา ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้นตั้งแต่แรก ดังนั้นเมื่อมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญก็เห็นผลอย่างชัดเจนว่า เป็นเพียงช่องทางการสืบทอดอำนาจ แต่การปฏิรูปประเทศนั้นไม่มีความก้าวหน้าใดๆ ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของมาตรานี้
"ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว 2 ครั้ง โดยในปี 2563 พรรคได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรวม 5 ร่าง ซึ่งในนั้นมีร่างยกเลิกอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี จากนั้นในปี 2564 พรรคเพื่อไทยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งรวม 5 ร่าง แต่สภาบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม 4 ร่าง ซึ่งได้เสนอให้แก้ไขที่มานายกรัฐมนตรี และยกเลิกอำนาจ ส.ว.ด้วย เราไม่ย่อท้อ ดังนั้นเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของภาคประชาชนจึงจะมีการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป และพร้อมที่จะนำข้อเสนอนี้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อร่วมกันสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้" นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง กล่าวว่า การเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 272 ครั้งนี้จึงถือเป็นการจุดประกายนำไปสู่การแก้ไขในอีกหลายๆ เรื่องในอนาคต ดังนั้นจึงเห็นว่าควรได้รับการสนับสนุนและน่าจะสามารถทำได้หากได้รับความร่วมมือจากประชาชนและ ส.ส.ในสภา
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า การรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 นี้ เป็นการผลักดันให้มีการแก้ไขเพียงประเด็นลดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงประเด็นเดียว แต่ถือเป็นเรื่องหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนเลือก ส.ส.มา ส.ส.ก็ควรเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งนานาประเทศก็ใช้หลักการนี้ เพียงแต่ประเทศไทยได้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรก โดยอ้างความจำเป็นต่อการปฏิรูปประเทศ แต่วันนี้บริบทต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว การที่ ส.ว.ได้รับเลือกมาจากผู้มีอำนาจบริหารแต่นายกรัฐมนตรี คือ ผู้แข่งขันในการเลือกตั้งจึงอาจทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขในประเด็นนี้ และหากทำสำเร็จได้ทันการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนก็มีโอกาสที่จะได้นายกรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อประชาชนร่วมลงชื่อครบ 7 หมื่นรายชื่อก็จะนำเสนอต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บรรจุลงในวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขทันที