นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ รองประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนและสอบสวนการประชาสัมพันธ์แก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการซื้อสิทธิขายเสียงจำนวนมาก แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดห้ามซื้อสิทธิขายเสียงก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้รัฐบาลเข้มงวดในการหาเสียงมากขึ้น โดยรณรงค์ต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียงให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมกำหนดแนวทางให้ประชาชนตระหนักถึงผลจากการซื้อสิทธิขายเสียงจะนำไปสู่การมีรัฐบาลที่ทุจริต
สำหรับบทลงโทษสำหรับผู้ซื้อเสียงเพียงสัญญาและเสนอว่าจะให้ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงินซึ่งอาจถูกยึดทรัพย์
ขณะเดียวกันประชาชนที่ขายเสียง โดยยอมรับเงินจากผู้ซื้อเสียงไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็ตามมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ยกเว้นผู้ที่รับเงินและมีการแจ้งเบาะแสให้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ภายใน 7 วัน หลังวันเลือกตั้งจะไม่ได้รับบทลงโทษ พร้อมทั้งมีรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสต่อ กกต.
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/กษมาพร/จำเนียร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--