นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเผยแพร่ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปี 2564 โดยจากจำนวนประเทศ 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยได้ 35 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก ลดลงจากปีก่อนที่ได้รับ 36 คะแนน และเป็นอันดับที่ 104 ของโลก เป็นสัญญาณชี้ชัดว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏพบการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้นจนสามารถบ่งชี้เป็นดัชนีได้ สะท้อนกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ทั้งๆ เป็นรัฐบาลที่ต้องการมาปราบทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับพบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด
นอกจากนี้ ดัชนีดังกล่าวยังสะท้อนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่ไม่มีความสามารถในการเข้าไปดูว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จะปราบอย่างไร และจะแก้อย่างไร ถือเป็นความล้มเหลว รวมถึงยังสะท้อนว่ามีการปล่อยปละละเลย รู้เห็นเป็นใจ แสวงหาผลประโยชน์โดยเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อตนเองเพื่อกลุ่มและเพื่อพวกพ้อง ตลอดจนเป็นการบ่งชี้ว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนเรื่องนี้มาก เพราะผู้ประกอบการต้องจ่ายส่วย หรือหาวิธีการไม่สุจริตให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ
หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ในญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เบื้องต้นได้มีกรอบหารือไว้แล้วระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือประเด็นของแพง ต้องเสนอประเด็นให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร ส่วนประเด็นต่อมาเป็นประเด็นเฉพาะแต่ละพรรค และในการประชุมครั้งหน้าจะมาแบ่งเวลากันอีกครั้งว่าแต่ละพรรคการเมืองจะใช้เวลาเท่าไร
อย่างไรก็ตามในรายละเอียดได้มอบหมายให้นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นผู้ดูแล และขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่