นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ หากมีกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แม้กฎหมายนั้นไม่ใช่กฎหมายสำคัญทางการเงินก็ตาม เพราะนั่นหมายความว่า ไม่มีความพร้อมในการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ดังนั้นควรจะรับผิดชอบต่อประชาชน คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 2.ยุบสภา ซึ่งเรามีความพร้อมที่จะให้นายกฯ ประกาศยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ไม่ควรใช้วิธีที่ 3 คือ การรัฐประหาร เพราะได้กลิ่นว่าจะใช้แนวทางนี้ ซึ่งเราขอคัดค้านและเรียกร้องผู้ที่มีอำนาจ อย่าได้คิดวิธีการนี้ เราไม่มีอำนาจไปยับยั้ง แต่ประเทศจะล่มจมเสียหายมาก นี่คือสิ่งที่จะทำบาปให้ประเทศ ซึ่งประชาชนต่างเจ็บช้ำมามาก การลุกฮือการต่อต้านเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
หากเกิดการรัฐประหาร สภาพบ้านเมืองที่ย่ำแย่อยู่ในขณะนี้จะแย่ยิ่งกว่าเดิม ถ้าหวังว่ายึดอำนาจแล้วจะเข้ามาบริหารจัดการประเทศที่ผุพังเช่นนี้ได้ จะนำเงินที่ไหนมาบริหาร ซึ่งขณะนี้รัฐบาลถังแตกไม่มีเงิน เพราะไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เลย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กรณี 21 ส.ส.ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐกระทบเสียงในสภา การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สัดส่วนของเสียงข้างมากเปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น 21 คนจึงเป็นตัวแปรในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีผลต่อองค์ประชุมมาก โดยขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรมี ส.ส.อยู่ 473 คน กึ่งหนึ่งคือ 238 คน หาก 21 เสียงแปรไปด้านใดด้านหนึ่ง จะเกิดการแปรปรวนอย่างมาก
"ถ้าเจตนารมณ์ของกลุ่ม 21 ส.ส.ไม่ทำหน้าที่ให้กับเสียงข้างมากที่เป็นอยู่ จะทำให้เสียงข้างมากทำงานไม่ได้ ซึ่งฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะเป็นองค์ประชุมให้ตั้งแต่แรก ถ้าจะทำหน้าที่ในระบบเสียงข้างมากต้องเป็นเสียงข้างมากที่แท้จริง เราไม่สนับสนุนเสียงข้างน้อยเข้ามาปกครองประเทศ เพราะขัดรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตย ต้องปกครองด้วยเสียงข้างมาก เคารพเสียงข้างน้อย" นพ.ชลน่าน กล่าว