ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 1 และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 5 ขอให้ศาลฯ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสอง ที่บัญญัติว่าในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหามีภาระการพิสูจน์ที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
"ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 81 วรรคสอง ที่บัญญัติว่าในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหามีภาระการพิสูจน์ที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม" คำวินิจฉัย ระบุ
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 1 และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ผู้คัดค้านที่ 5 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ปช.1/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ ปช.1/2561 ที่มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายธาริต และนางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
โดยนายธาริตมีคำคัดค้านว่าคำสั่งยึดทรัพย์เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเห็นว่าการตรากฎหมายจะมีผลต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพ หรือเป็นการเพิ่มภาระ และจำกัดสิทธิเกินกว่าเหตุไม่ได้ อีกทั้งบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และไม่เลือกปฏิบัติ