นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวระหว่างนำคณะลงพื้นที่พบปะตัวแทนเครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนในจังหวัดพัทลุง เพื่อรับฟังผลการดำเนินงานและอุปสรรคปัญหาในการขับเคลื่อนกองทุนฯ ว่า หนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคให้ความสำคัญคือ นโยบายเศรษฐกิจฐานราก โดยมองว่าเศรษฐกิจฐานรากจะเข้มแข็งต้องเกิดจากความร่วมมือของประชาชนในชุมชน เพราะรัฐไม่สามารถขับเคลื่อนโดยฝ่ายเดียวได้ แต่รัฐต้องช่วยเรื่องเศรษฐกิจและช่วยเหลือแบบครบวงจร ชุมชนกับรัฐต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน ต้องไม่มองแค่การหารายได้ แต่การแก้ปัญหาหนี้สินต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน ต้องเกื้อกูลกัน ซึ่งนับจากนี้พรรคจะนำเสนอแนวความคิดแลกเปลี่ยนกับประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจฐานรากที่พรรคจะขับเคลื่อนต้องตกผลึกจากประชาชนมาร่วมคิด และนำแนวคิดของประชาชนมาผสมผสานกับแนวคิดของนักเศรษฐกิจที่มากประสบการณ์ในพรรค จากนั้นจะออกเป็นนโยบายพรรคที่ชัดเจนสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง
แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า สวัสดิการชุมชนคือหัวใจสำคัญ ถ้าชุมชนมีสวัสดิการ ชุมชนจะดูแลตัวเองได้ เพราะโครงสร้างรัฐบาลเป็นโครงสร้างใหญ่กว่าจะมาถึงชุมชนช้า ที่ผ่านมาหลายเหตุวิกฤตรอดได้เพราะชุมชนเข้มแข็ง และพรรคพร้อมเสนอการฟื้นโครงการลงทุนเพื่อสังคม (Social Investment Project : SIP) ขึ้นมาช่วยประชาชนที่กำลังลำบากจากปัญหาหนี้ครัวเรือน รายรับที่ไม่พอกับรายจ่าย ขาดการส่งเสริมต่อยอดอาชีพในท้องถิ่น
"ข้อดีของนโยบายนี้คือเป็นนโยบายชั่วคราว รัฐบาลไม่ต้องหว่านเม็ดเงินตลอด ชุมชนเข้มแข็งก็ยุติโครงการ ให้เค้าดูแลกันต่อไป ต้องไม่ช่วยแบบปูพรม แก้ให้ตรงจุด ช่วยให้ถูกคน ถึงจะเกิดความยั่งยืน ผมมั่นใจว่า ผมเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจฐานรากเป็นสิ่งสำคัญต้องขับเคลื่อนตรงนั้น เห็นในหลายปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องกฎหมาย การบริหารจัดการ การจัดทำนโยบายพรรค ผมจึงเน้นเศรษฐกิจฐานรากด้วยตัวเอง อยากทำนโยบายที่คนฐานรากต้องการจริงๆ คำว่าชุมชนเข้มแข็งพูดกันมานาน แต่ยังขาดการส่งเสริมแบบจริงจัง วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง" นายสนธิรัตน์ กล่าว