นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เผยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว และเตรียมยื่นอุทธรณ์คดี โดยจะขอต่อสู้ไปจนถึงขั้นศาลฎีกา
"ติดคุก 3 ปี โดนปรับ 1,600 ล้านบาท ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลต่อการลงเลือกตั้ง ก็ไม่รู้ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ความผิด เราก็ต้องเคารพในคำตัดสินของศาล ศาลก็ไม่รอลงอาญา ก็ต้องประกันตัว และต้องอุทธรณ์ฎีกากันไป" นายประชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายประชัย กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นผลพวงจากอำนาจเก่า แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลทางการเมืองอย่างไร ขณะที่ตัวเขาเองขันอาสาอุทิศร่างกายชีวิตจิตใจมาช่วยประเทศชาติ และถ้าเจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะช่วยชาติได้อย่างไรแล้ว
"เห็นไหมนี่คืออิทธิพลของอำนาจเก่า กกต.ทำตามอำนาจเก่า แล้วเราก็กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกอำนาจเก่าทำ เห็นหรือยังว่าอำนาจเก่ารุนแรงขนาดนี้ ตราบใดอำนาจเก่ายังอยู่ก็จะมีเรื่องสารพัด" นายประชัย กล่าว
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลอาญาพิพากษาให้จำคุกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ในข้อหาปั่นหุ้น TPI คนละ 3 ปี เนื่องจากเห็นว่าการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่มีเหตุรอลงอาญา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 4 ร่วมกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 77, 239, 280, 296 และประกอบประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยกระทำความผิดเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระ ให้ลงโทษเรียงกระทงตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 91 โดยในความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือเสนอชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผลบังคับใช้ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์จะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง(ปั่นหุ้น)
"ให้ปรับจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 3 แสนบาท พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 2 กับ 4 คนละ 1 ปี ส่วนในความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือในการดำเนินกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ พิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเงินคนละ 6,900 ล้านบาท และจำคุกจำเลยที่ 2 และ 4 คนละ 2 ปี รวมปรับจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 6900.3 ล้านบาท รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และ 4 คนละ 3 ปี ศาลเห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลย ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่มีเหตุรอลงอาญา" คำพิพากษา ระบุ
คดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บมจ.ทีพีไอ(TPI) โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และนายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ, นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPIPL, บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการบริหาร และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการบริหาร บจก.สเติร์นฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลักทรัพย์ เผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผลบังคับใช้ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์ใดจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง (ปั่นหุ้น) และร่วมกันกระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ม.77 และ 239 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โดยระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.46 จำเลยที่ 1ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยมีสาระสำคัญในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนดังกล่าวเกี่ยวกับเสนอขายหุ้นต่อประชาชนจำนวน 300,000 หุ้น และแสดงฐานะการเงินของบริษัทและผลการดำเนินงานของ บมจ.ทีพีไอ ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เผลแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ ก่อนวันที่แสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือ สาระสำคัญว่าหุ้นที่เหมาะสมอยู่ที่ 89 บาทต่อหุ้น และการเงินสูงกว่าในหนังสือชี้ชวน 23,370 ล้านบาท ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้แสดงในร่างหนังสือ และไม่ได้ทำตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ตามวันเวลาดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและรับผิดชอบในการดำเนินกิจการได้เผยแพร่ข่าว เป็นสาระสำคัญ มูลค่าองค์กรของบริษัท มีมูลค่าอยู่ที่ 91,387 ล้านบาท และมีมูลค่าที่เหมาะสม 89 บาทต่อหุ้น เกินกว่าความเป็นจริง ในการเผยแพร่ข่าว และจำเลยที่ 3 - 4 ได้ร่วมกันสนับสุนนโดยการช่วยเหลือในการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--