ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต ฉบับที่? พ.ศ.? หรือร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ที่เป็นการแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 153 ที่กำหนดให้บุคคลผู้ประสงค์จะผลิตสุราหรือมีเครื่องกลั่นสำหรับผลิตสุราไว้ในครอบครอง ต้องขออนุญาตต่ออธิบดีและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้การขออนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าสำหรับผู้ผลิตรายย่อย สามารถทำได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยสัปดาห์ก่อน ที่ประชุมได้มีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจนจบแล้ว แต่ไม่สามารถโหวตได้ เพราะองค์ประชุมของ ส.ส.ไม่ครบ และก่อนหน้านั้น นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอรับร่างดังกล่าวไปให้ ครม.พิจารณาให้ละเอียดอีกครั้งภายใน 60 วัน แต่ก็ไม่ได้โหวตว่าจะอนุมัติตามที่ ครม.ขอสภาหรือไม่ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ
วันนี้ที่ประชุมจึงได้มีการลงมติให้ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ ครม.นำไปพิจารณาก่อนเข้าสู่การประชุม ส.ส.ว่าจะรับหลักการต่อร่างกฎหมายหรือไม่ ในวาระที่ 1 ภายใน 60 วัน ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 207 เสียง ไม่เห็นด้วย 196 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง
ก่อนการลงมติในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายเท่าพิภพ ได้รับหนังสือจากภาคประชาชนเรียกร้องให้สภารับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเป็นก้าวแรกในการปลดล็อกกฎหมาย ทลายทุนผูกขาด และเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงการผลิตได้
นายเท่าพิภพ กล่าวว่า หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน จะเป็นก้าวแรกของการปลดล็อกเบียร์และสุราพื้นบ้านให้ประชาชนได้มีโอกาสผลิตสุราจากวัตถุดิบในพื้นที่ เป็นการยกระดับและสร้างรายได้ให้ประชาชน วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนและกลุ่มผู้ค้าสุรา เจ้าของสถานประกอบการ เดินทางมายังหน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องและกดดันให้สภารับร่างกฎหมายฉบับนี้ และให้รัฐบาลถอดถอนญัตติขอการอุ้มร่างกฎหมายออกไป จึงอยากให้ผู้มีอำนาจได้ฟังเสียงของประชาชนด้วย
ด้านนายธนากร ท้วมเสงี่ยม ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าและประชาชนเบียร์ กล่าวว่า เราเป็นคนตัวเล็กๆ ที่อยู่ในวงการสุรา แต่เจอปัญหามากมายเกี่ยวกับกฎหมายที่มองประชาชนชาวสุราไม่ต่างจากศัตรูของรัฐ การจะมีพื้นที่อยู่ในสื่อก็ทำได้ยาก การจะพูดถึงแบรนด์ การจะทำปริมาณที่ใหญ่ขึ้น มีคุณภาพขึ้น ทำได้ยาก ยากเกินกว่าที่จะเข้าไปอยู่ในตลาดได้จริงๆ
"เราคิดว่าร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เปิดโอกาสให้ประชาชนคนธรรมดา มีโอกาสมากขึ้นในการผลิตสุราที่เยอะขึ้นมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะกฎหมายกำหนดสูงเกินกว่าที่เราไปแตะได้ ทำให้เราได้เข้าถึงการผลิตสุราได้อย่างเท่าเทียมนายทุน ทั้งผลิตเพื่อดื่มเองหรือผลิตเพื่อจำหน่าย เราไม่สามารถผลิตได้เป็นหมื่นลิตรต่อวัน เป็นล้านลิตรต่อปี ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำอย่างนั้นได้ มันเปิดโอกาสให้แก่คนเพียงไม่กี่คน ที่พวกเขายึดอำนาจการดื่มกินของพวกเราไปหมดแล้ว เราจึงขอกดดันให้พรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน พรรคการเมืองเห็นแก่ปากท้องของประชาชน ร่วมโหวตให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน อาทิ พรรคภูมิใจไทย ที่เคยผลักดันเรื่องกัญชาซึ่งน่าจะเป็นมุมมองเดียวกัน และอย่างกรณี ร.อ.ธรรมนัส ที่ผลิตสุราชุมชนในพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้มองเห็นประโยชน์ ปากท้องประชาชนเช่นกัน" นายธนากร กล่าว
ขณะที่นายนิก อนุมานราชธน กล่าวในฐานะผู้ประกอบการคอกเทลบาร์และสุราชุมชนว่า ในส่วนคอกเทลบาร์มีปัญหาที่ไม่สามารถนำคอกเทลที่ผสมไว้ใส่ขวดและขายให้นำกลับบ้านได้ เพราะมีเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่กฎหมายห้ามไว้ ส่วนทางสุราชุมชนก็คือ เรื่องของกำลังผลิตที่จำกัดไว้ 5 แรงม้า 7 แรงคน ที่ไม่สามารถขยายฐาน หรือเพิ่มความสามารถในการผลิตให้สุรามีคุณภาพยิ่งขึ้นเพื่อไปแข่งขันในตลาดได้
"อยากให้มองถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่หายไปจากสิ่งที่รัฐผูกขาด เวลาไปต่างประเทศ เราจะใช้สถานที่โรงกลั่นสุราเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ในไทยไม่มี เพราะถูกปิดกั้นไว้ ในต่างประเทศมีการนำเอาผลไม้ต่างๆ มาแปรรูปเป็นสุรา ประเทศเราไม่สามารถทำได้ เพราะมีกฎหมายบังคับให้ประชาชนลืมตาอ้าปากไม่ได้ จึงขอฝากทุกคนร่วมกดดันให้ ส.ส. ในสภาวันนี้ให้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเป็นการปลดล็อกให้สามารถผลิตสุราพื้นบ้าน และยกระดับสร้างมูลค่าให้แก่ท้องถิ่น และอยากให้รัฐมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นสิทธิในการประกอบอาชีพเรา" นายนิก กล่าว