นายพัฒนเดช ธรรมจารีย์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจมหภาค พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ต้องเร่งปรับนโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคและปรับนโยบายการเงินอย่างจริงจัง พร้อมกับมุ่งเน้นการสร้างรายรับเข้าแผ่นดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคต
รัฐบาลต้องเน้นการปรับโครงสร้างงบประมาณเพื่อนำไปสู่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดแคลน เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ และต้องใช้นโยบายการคลังโดยที่มีนโยบายการเงินที่มีประสิทธิภาพด้วย
นายพัฒนเดข กล่าวว่า ในปีนี้ที่มีการออกมาระบุว่าเศรษฐกิจเติบโต 4-5% จริงๆแล้ว ขยายตัวเพียง 2% กว่า เป็นตัวเลขที่น่ากลัวเพราะเหมือนไม่มีการเติบโต เนื่องจากเครื่องยนต์ 4 เครื่องประกอบด้วย การบริโภค การลงทุน ภาครัฐ และ การค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเดินไม่สะดวกจึงดับลง
การที่ภาคเอกชนไม่ลงทุน เพราะปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไม่ใช่เชิงจิตวิทยา เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐไม่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างพอเพียง ทำให้ผลตอบแทนภาคเอกชนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบการคมนาคมขนส่งทั้งหลาย
นอกจากนั้นควรมีทัศนะกรอบการจัดทำวิธีงบประมาณใหม่ โดยแยกรายจ่ายประจำ และ รายจ่ายเพื่อการลงทุนให้ชัดเจน เพื่อให้มีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และต้องปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้มีความยืดหยุ่นเหมาะสมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น ภาษีทางตรงนิติบุคคลควรปรับให้เสมอภาคกัน การปรับอัตราภาษีในเชิงก้าวหน้า รวมถึงโครงสร้างงบประมาณแผ่นดินที่มีจุดศูนย์อยู่ที่กระทรวง ทบวง กรม ควรจะให้จังหวัดเป็นหน่วยงบประมาณแทนเพื่อส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในเชิงภาพรวม
นายพัฒนเดช กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนมีแนวคิดที่จะผลักดันการปฏิรูประบบการเงินภาครัฐทั้งระบบ รัฐบาลใหม่ต้องปรับให้การคลังประเทศมีงบประมาณที่สมดุลโดยนำทรัพย์สินกระทรวงการคลังมาทำประโยชน์ เช่น ที่ราชพัสดุ หรือหุ้นต่างๆ ที่กระทรวงการคลังถือจะต้องปรับปรุงให้มีมูลค่าเพิ่ม
พร้อมทั้งมีแนวคิด ปรับโครงสร้างธนาคารแห่งประเทศไทย, ตั้ง Thailand Investment Corporation หรือ วายุภักษ์อินเตอร์เนชั่นแนล และ พัฒนาระบบ Power Pool ระหว่างประเทศอาเซียน โดยพรรคจะเสนอให้มีการตั้ง องค์กรเพื่อการพัฒนา Energy Pool
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--